Breaking News
Home / Life / Sport / GARMIN ส่งสมาร์ทวอทช์ตระกูล vivo ชู 3 รุ่นเด็ด เจาะตลาดผู้สูงอายุยุคดิจิทัล

GARMIN ส่งสมาร์ทวอทช์ตระกูล vivo ชู 3 รุ่นเด็ด เจาะตลาดผู้สูงอายุยุคดิจิทัล

การ์มิน แบรนด์สมาร์ทวอทช์ระดับโลก เผยข้อมูลจากแอพฯ GARMIN Connect พบว่า ผู้ใช้อายุ 50 ปีขึ้นไป ในปี 2561 มีเพิ่มขึ้น 56% จากปีก่อน และคาดว่าจะมีจำนวนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีสถิติการวิ่งเฉลี่ย 20.98 กิโลเมตรต่อสัปดาห์ อีกทั้งยังพบข้อมูลสภาพัฒน์ฯ ระบุจำนวนผู้สูงอายุในประเทศไทยเติบโตกว่า 11.96% ในปีที่ผ่านมา

และคาดว่าปี 2562 จะเติบโต 12.47% สอดคล้องกับศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่ประเมินสัดส่วนจำนวนผู้สูงอายุในไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นถึง 25% ในปี 2573 และก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มตัว การ์มินแนะนำสมาร์ทวอทช์ตระกูล vivo ที่เหมาะกับผู้ใช้ที่เน้นการดูแลสุขภาพ เป็นกลุ่มตลาดผู้สูงวัยยุคดิจิทัลที่มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีกำลังซื้อและให้ความสำคัญกับสุขภาพมาเป็นอันดับหนึ่ง จำนวน 3 รุ่น คือ vivofit 4, vivosmart 4 และ vivoactive 3 ที่มาพร้อมฟังก์ชันหลักเหมาะกับการออกกำลังกายและติดตามสุขภาพด้วย Activity Tracker วัดการเคลื่อนไหว คุณภาพการนอน การแจ้งเตือนเมื่ออยู่นิ่ง เพิ่มฟังก์ชันการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ในรุ่น vivosmart 4 และ vivoactive 3 และพิเศษในรุ่น vivoactive 3 ที่เป็นทั้ง Smart watch และ Multi-sport watch รองรับการเล่นกีฬาที่หลากหลาย เช่น วิ่ง จักรยาน ว่ายน้ำ กอล์ฟ ฟิตเนส และโยคะ

นายไกรรพ เหลืองอุทัย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท จีไอเอส จำกัดในกลุ่มบริษัทซีดีจี (CDG) ตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยของบริษัท การ์มิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบัน เทรนด์เรื่องการดูแลรักษาสุขภาพยังคงเป็น 1 ในเทรนด์ที่คนให้ความใส่ใจ โดยเฉพาะในกลุ่มคนสูงวัยเริ่มหันมาดูแลเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น โดยข้อมูลจากแอพฯ GARMIN Connect พบว่า กลุ่มผู้ใช้อายุ 50 ขึ้นไป ในปี 2561 มีเพิ่มขึ้นถึง 56% จากปีก่อน และคาดว่าจะมีจำนวนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีสถิติการวิ่งเฉลี่ย 20.98 กิโลเมตรต่อสัปดาห์

“จากข้อมูลของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระบุว่า จำนวนผู้สูงอายุในประเทศไทยเติบโต 11.96% ในปีที่ผ่านมา และคาดว่าปี 2562 จะเติบโต 12.47% สอดคล้องกับศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่ประเมินว่าสัดส่วนจำนวนผู้สูงอายุในไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นถึง 25% ในปี 2573 และก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มตัว ด้วยปัจจัยดังกล่าว

การ์มินแนะนำสมาร์ทวอทช์ตระกูล vivo สำหรับกลุ่มที่เน้นการดูแลสุขภาพ โดย 1 ในนั้นคือกลุ่มผู้สูงวัย จำนวน 3 รุ่น vivofit 4, vivosmart 4 และ vivoactive 3 เหมาะกับการเป็นอุปกรณ์ติดตามสุขภาพ การเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย และกิจกรรมในชีวิตประจำวัน โดยแต่ละรุ่นมีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ดังนี้ (1) vivofit 4 ประกอบด้วย Activity Tracker วัดการเคลื่อนไหว คุณภาพการนอน และการแจ้งเตือนเมื่ออยู่นิ่ง อายุแบตเตอรี่นานถึง 1 ปี (2) vivosmart 4 ประกอบด้วย Activity Tracker เพิ่มความสามารถในการวัดอัตราการเต้นของหัวใจจากข้อมือได้ทั้งวัน วัดความเครียด และมี Smart Notification ดูการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟน (3) vivoactive 3 ประกอบด้วย Activity Tracker เป็นทั้ง Smart watch และ และ Multi-sport Watch เพิ่มความสามารถในการรองรับการเล่นกีฬาที่หลากหลาย เช่น วิ่ง จักรยาน ว่ายน้ำ กอล์ฟ ฟิตเนส และโยคะ” นายไกรรพ กล่าว

นายไกรรพกล่าวเพิ่มเติมว่า กลุ่มผู้สูงวัยมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อและให้ความสำคัญกับสุขภาพมาเป็นอันดับ 1 โดยนาฬิกาการ์มินตระกูล vivo ทั้ง 3 รุ่น มีฟังก์ชันที่รองรับการติดตามกิจกรรมเพื่อสุขภาพ เช่น นับก้าวเดิน วัดคุณภาพการนอนหลับ การแจ้งเตือนให้เคลื่อนไหวเมื่ออยู่นิ่งนานเกินไป และเพิ่มเติมในรุ่น vivosmart 4 และ vivoactive 3 ที่รองรับการวัดอัตราการเต้นของหัวใจจากข้อมือได้โดยตรง เพื่อการวัดสุขภาพที่ละเอียดขึ้น และความปลอดภัยในการออกกำลังกาย เช่น ดูการเต้นของหัวใจว่าขึ้นสูงเกินกว่าที่ควรหรือไม่ พร้อม vivoactive 3 ยังมีฟังก์ชั่นกิจกรรมที่เหมาะกับการออกกำลังกายของคนสูงวัย เช่น การเดิน การวิ่งเหยาะ ๆ การปั่นจักรยาน การเต้นแอโรบิค และการว่ายน้ำ เพื่อตอบโจทย์ที่ครอบคลุมในการดูแลสุขภาพอีกด้วย

การ์มินตระกูล vivo พร้อมตอบโจทย์คนรักสุขภาพในยุคดิจิทัล ในราคาเริ่มต้นที่ 3,290 บาท สำหรับรุ่น vivofit 4 และราคา 5,590 บาท สำหรับรุ่น vivosmart 4 ส่วนรุ่น vivoactive 3 สำหรับสี Stainless ขาว และสีดำ ราคา 10,500 บาท และสี Gun Metal และ Rose Gold ราคา 11,500 บาท สามารถหาซื้อได้แล้วที่ร้านตัวแทนจำหน่ายการ์มินทั่วประเทศ ข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.garminbygis.com

Check Also

OPPO ผนึกพันธมิตร UEFA ต่อสัญญาอีกสามฤดูกาล

OPPO ประกาศต่อสัญญาพันธมิตรกับสหพันธ์ฟุตบอลแห่งยุโรป (UEFA) อีกสามฤดูกาล ครอบคลุมการแข่งขันหลายรายการของ UEFA ทั้ง UEFA Champions League, UEFA Super Cup, รอบชิงชนะเลิศ UEFA Futsal Champions League และรอบชิงชนะเลิศ UEFA Youth League โดยอาศัยความร่วมมือในสองฤดูกาลที่ผ่านมา OPPO จะยังคงใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยในสมาร์ตโฟน หูฟัง และสมาร์ตวอทช์ เพื่อช่วยให้แฟนๆ ได้ใกล้ชิดกับการแข่งขันฟุตบอลมากขึ้น และมอบประสบการณ์การรับชมที่ยอดเยี่ยมร่วมกับ UEFA