มร.อเล็กซ์ มา รองประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า “ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน (ไม่รวมทีวี) ประเทศไทยในปี 2566 ครึ่งปีแรก มีอัตราการเติบโตประมาณ 14% โดยผลิตภัณฑ์ที่เติบโตสูงสุด ได้แก่ เครื่องปรับอากาศที่เติบโตสูงถึง 36% เนื่องจากในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา ประเทศไทยมีอากาศร้อนมาก และร้อนยาว นอกจากนี้ เครื่องทำน้ำอุ่นเติบโต 15% หม้อหุงข้าว 6% ในขณะที่ไมโครเวฟ ตู้เย็น และเครื่องซักผ้า ติดลบ อย่างไรก็ตาม หากมองในภาพรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่นับเครื่องปรับอากาศ จะเห็นได้ว่าภาพรวมตลาดทรงตัว
มร.อเล็กซ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับผลประกอบการของโตชิบา ไทยแลนด์ ในครึ่งปีแรก บริษัทฯ เติบโตเกินคาด โดยโตมากถึง 15% (ไม่นับรวมเครื่องปรับอากาศ) โดยโตขึ้นในทุกกลุ่มสินค้า ได้แก่ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ และหม้อหุงข้าว เมื่อเทียบกับปี 2565 ในสินค้าทุกกลุ่มนี้แบรนด์โตชิบาจะติดอันดับท็อป 3 ทั้งหมด โดยเฉพาะในปีนี้ เครื่องซักผ้าและไมโครเวฟ เราไต่ลำดับขึ้นมาได้ดีมาก จนไมโครเวฟเรากลายเป็นแบรนด์ที่มีมาร์เก็ตแชร์เป็นที่ 1 ของตลาด ปัจจัยที่ทำให้บริษัทฯ เติบโตกว่าตลาด เพราะบริษัทฯ ไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างตรงกลุ่ม ทั้งนี้ในครึ่งปีแรก บริษัทฯ เปิดตัวสินค้าใหม่ไป 31 รุ่น ทั้งเป็นรุ่นที่ทดแทนรุ่นเดิม และขยายกลุ่มสินค้าใหม่ โดยเน้นการเจาะสินค้ากลุ่มพรีเมียมมากขึ้น เน้นฟังก์ชัน IOT เพื่อให้รับกับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ นอกจากการขยายไลน์อัพสินค้า ช่องทางการขายก็เป็นหัวใจหลักที่ทำให้เราโตมากขึ้น นอกจากการเน้นการเพิ่มจำนวนสาขาที่มากขึ้นแล้ว บริษัทฯ ยังเลือกเน้นสาขาที่ขายสินค้ากลุ่มไฮเอนด์เพิ่มขึ้น และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ การทำแคมเปญส่งเสริมการขายต่างๆ ให้โดนใจ และเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคยิ่งขึ้น รวมไปถึงการสร้างการรับรู้ในสินค้าใหม่ๆ ทั้งผ่านทางผู้เชี่ยวชาญของบริษัท ณ จุดขาย รวมไปถึงการให้ KOL รีวิว เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจและเชื่อมั่นยิ่งขึ้น”
มร.อเล็กซ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “สำหรับครึ่งปีหลัง บริษัทฯ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น เห็นได้ชัดว่าหลัง จากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ผู้คนออกมาจับจ่ายใช้สอย และเดินทางท่องเที่ยวเยอะขึ้น ทำให้อัตราการบริโภคสูงขึ้น รวมไปถึงภาคอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างที่เริ่มขยายตลาดอย่างจริงจัง ส่งผลให้อัตราการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าสูงขึ้น และท้ายสุดภาคการส่งออกก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งน่าจะทำให้ภาพรวมปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าดียิ่งขึ้น สำหรับแผนครึ่งปีหลัง โตชิบาตั้งเป้าเติบโต 15% โดยวางกลยุทธ์หลักทั้งในเรื่อง 1.การออกสินค้าใหม่อีก 39 รุ่น เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้า ทั้งในแง่ประสิทธิภาพ ดีไซน์ รวมไปถึงราคา นอกจากนี้ 2. ขยายช่องทางการขายใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนเพิ่มจำนวนไลน์อัพสินค้าเข้าร้านค้าอีก 10% โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้า Mid to High สำหรับแคมเปญใหญ่ของวงการอีคอมเมิร์ซในช่วง 11.11 และ 12.12 บริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโต 30% โดยทุ่มงบเพิ่ม 20% สำหรับกระตุ้นการขายและตอบแทนลูกค้าในช่วงเวลาดังกล่าว และเตรียมพร้อมสำหรับเพิ่มไลน์สินค้ามากขึ้น โดยเฉพาะสินค้า Exclusive ที่มีขายเฉพาะในช่องทางออนไลน์เท่านั้น เพื่อไม่ให้แย่งตลาดกับช่องทางอื่น อีกส่วนหนึ่งที่โตชิบาให้ความสำคัญมากขึ้น คือโครงการ Partner Synergy เป็นความร่วมมือระหว่างแบรนด์กับคู่ค้าในการร่วมกันพัฒนาสินค้าและบริการให้โดนใจผู้บริโภคที่สุด และส่วนสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ 3. การตลาด ที่บริษัทฯ ยังคงทำต่อเนื่อง ทั้งการสร้างแบรนด์ผ่านสื่อต่างๆ ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ เพื่อให้เกิดการรับรู้และความเชื่อมั่น ทั้งในลูกค้าที่เป็นฐานเดิมของโตชิบา รวมไปถึงฐานลูกค้าใหม่ที่ young gen ยิ่งขึ้น มากไปกว่านั้น บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทดลองได้สัมผัสสินค้าจริง มีการทำโรดโชว์ทั่วประเทศต่อเนื่องทุกเทศกาล ทั้ง ณ ร้านค้าจุดขาย รวมถึงตามสถานที่ชุมชนทั่วไป และสุดท้ายคือการให้ความสำคัญกับช่องทางขายที่บริษัทฯ ใส่ใจตั้งแต่การปรับปรุงหน้าร้านให้สวยงาม พร้อมบริการการทำแคมเปญส่งเสริมการขายให้คู่ค้า รวมไปถึงการพัฒนาทักษะต่อเนื่องให้กับพนักงานขาย เพื่อสามารถให้ข้อมูลและบริการลูกค้าได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ”
นางสาวธัญปภัสส์ อริยะวรวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า “ตามที่คุณอเล็กซ์ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่า ในครึ่งปีหลังโตชิบาจะเปิดตัวสินค้าอีก 39 รุ่น โดยแบ่งเป็นตู้เย็น 21 รุ่น เครื่องซักผ้า 4 รุ่น หมวดเครื่องครัว 6 รุ่น และเครื่องใช้ในบ้านอีก 8 รุ่น จะเห็นได้ว่าในครึ่งปีแรกโตชิบาเปิดเครื่องซักผ้ามากถึง 15 รุ่น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับหน้าฝนในไตรมาส 3 ซึ่งเครื่องซักผ้า อบผ้า ได้รับการตอบรับดีมาก และคาดว่าจะดีต่อเนื่องจนหมดฝน ในขณะที่ตู้เย็น มีแผนเปิดตัวในครึ่งปีหลังมากถึง 21 รุ่น โดยหลังจากเปิดตัวตู้เย็นไซส์บายไซส์ใหม่ในต้นไตรมาส 3 ผลตอบรับดีมาก ทั้งจากคู่ค้าและผู้บริโภค และยังจะมีตู้เย็นใหม่ๆ ที่จะออกมาอีกในไตรมาส 4 เพื่อเตรียมสำหรับการขายในหน้าร้อนปีหน้า ในส่วนของสินค้าชิ้นเล็ก อาทิ ไมโครเวฟ หม้อหุงข้าว เครื่องครัวต่างๆ รวมไปถึงเครื่องทำน้ำอุ่น โตชิบาเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคให้ความเชื่อมั่นสูงมากอยู่แล้ว ดังนั้นเรามั่นใจว่าด้วยคุณภาพของสินค้า ชื่อเสียงของแบรนด์ รวมไปถึงเทศกาลปีใหม่และหน้าหนาวที่จะมาถึง ผู้บริโภคจะใช้จ่ายเม็ดเงินสูงขึ้นกับแบรนด์เรา และจะทำให้โตชิบาเติบโตตามเป้าแน่นอน”
สำหรับสินค้าไฮไลท์ที่มาแนะนำ คือ
ตู้เย็นมัลติดอร์ รุ่น GR-RF610WE-PMT(37) เป็นตู้เย็น 4 ประตู ความจุ 18 คิว ดีไซน์สวยงามในราคาสุดคุ้ม ตั้งใจมาเจาะตลาดระดับกลางที่ต้องการตู้เย็นขนาดใหญ่ แช่อาหารและเครื่องดื่มได้จุใจ พร้อมสำหรับครอบครัวหรือปาร์ตี้กับกลุ่มเพื่อน โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Dual Cooling ที่มีระบบทำความเย็นแยกอิสระบนล่าง ทำให้ทำความเย็นได้ทั่วถึงและควบคุมกลิ่นไม่ให้ปะปนกัน นอกจากนี้ ยังออกแบบช่องแช่ผักผลไม้ขนาดใหญ่ให้เป็นแบบ Moisture & Flexile Zone สามารถปรับความชื้นภายในช่องให้เหมาะกับประเภทอาหารที่จัดเก็บได้ เพื่อคงความสดของผักผลไม้และอาหารได้ยาวนานกว่า และไฮไลท์สำคัญคือ สามารถควบคุมการทำงานของตู้เย็นได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชัน TSmartLife ให้ชีวิตคุณสะดวกสบายยิ่งขึ้น
เครื่องซักผ้าฝาบน รุ่น AW-DUM1500LT(MK) เป็นเครื่องซักผ้าฝาบนซักอัตโนมัติ ความจุ 14 กิโลกรัม ในราคาสุดคุ้ม จัดเต็มด้วยเทคโนโลยี The GreatWaves เอกสิทธิ์ของโตชิบา ที่ช่วยประหยัดน้ำ ถนอมใยผ้า และทำให้ผ้าไม่พันกัน มาพร้อมอีกหนึ่งเทคโนโลยี Ultra Fine Bubble (UFB) ที่ช่วยผลิตอณูฟองระดับนาโนที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้น้ำยาซักผ้าแทรกซึมลึกเข้าไปจับสิ่งสกปรกจากใยผ้า และทนทานด้วยมอเตอร์แบบ Direct Drive ต่อตรงกับแกนซัก ทำให้ประหยัดไฟ ทำงานเงียบ
เครื่องทำน้ำอุ่น รุ่น TWH-38EFNTH(W) ขนาด 3800 วัตต์ และ TWH-48EFNTH(W) ขนาด 4800 วัตต์ เป็นระบบดิจิทัล โดดเด่นด้วยหม้อต้มทองแดง แบบลดรอยต่อ ที่ทนทาน และทำความร้อนได้รวดเร็ว พิเศษยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยี SensTemp ที่ช่วยรักษาระดับอุณหภูมิของน้ำให้ร้อนสม่ำเสมอ แม้จะเปิดปิดน้ำบ่อย หรือแรงดันน้ำไม่คงที่ พร้อมฟังก์ชันจดจำอุณหภูมิ และยังมั่นใจปลอดภัยด้วยระบบ Safety ขั้นสูง หากไม่ติดตั้งสายดิน เครื่องจะไม่ทำงาน ระบบป้องกันไฟรั่ว และระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิ ซึ่งจะตัดไฟทันที หากอุณหภูมิสูงเกินไป
เตาอบไฟฟ้า รุ่น TL2-SAC25GZC(GR) ใหญ่จุใจขนาด 25 ลิตร ในราคาประหยัด ให้คุณยกระดับประสบการณ์การทำอาหารได้สมบูรณ์แบบด้วยมัลติฟังก์ชัน สามารถอบ ย่าง ทอดไร้น้ำมัน ได้ในเครื่องเดียว ร้อนเร็วและทั่วถึงด้วยตัวทำความร้อนมากถึง 6 ตัว และด้วยเทคโนโลยี 3D Turbo Air Fry มีเมนูทอดไร้น้ำมัน 11 เมนูอัตโนมัติ ให้คุณเลือกทำได้ง่ายๆ และสามารถดูเมนูเพิ่มเติมอีกกว่า 200 เมนู และอัพเดทเรื่อยๆ ผ่านแอปพลิเคชัน TSmartLife ที่ช่วยให้คุณสั่งการและควบคุมเตาอบได้ง่ายๆ ผ่านมือถือ
ไมโครเวฟ รุ่น MM-EM25PE(BK) ความจุ 25 ลิตร ห้องอบใหญ่จุใจในขนาดคอมแพคไซส์ เล็กกะทัดรัด เหมาะกับทุกห้องครัว แม้แต่ในคอนโดที่มีพื้นที่จำกัด มาพร้อมหน้าบานกระจก ดีไซน์หรู จอทัชคอนโทรล โดดเด่นด้วยระบบควบคุมความร้อน สามารถปรับได้มากถึง 11 ระดับ และสะดวกสบายด้วย 6 เมนูอัตโนมัติ
หม้อไฟฟ้าอเนกประสงค์ รุ่น HC-14KSSTH ขนาด 4.5 ลิตร มาพร้อมภาชนะ 3 แบบ วัสดุชั้นดี คุณภาพ Food Grade เคลือบเทฟล่อน ทำความสะอาดง่าย เป็นมัลติฟังก์ชัน สามารถต้ม ย่าง อบ ปิ้ง ทอด ผัด นึ่ง ทำความร้อนได้รวดเร็วด้วยชุดทำความร้อนแบบ Flattop Uniform ด้วยแผ่นทำความร้อนเต็มแผ่นชั้นเยี่ยม
นางสาวธัญปภัสส์ กล่าวเสริมว่า “สำหรับแผนการตลาดครึ่งปีหลัง โตชิบาทุ่มงบการตลาดมากขึ้น เพื่อทำกิจกรรมการตลาดแบบครบวงจร โดยยังคงมุ่งเน้นการสร้างการรับรู้ และภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูทันสมัย มีเอกลักษณ์เฉพาะของความเป็นโตชิบา รวมถึงการใส่ใจในรายละเอียด (#DetailsMatter) ผ่านสื่อต่างๆ ทั้งออฟไลน์ อาทิ สื่อวิทยุ สื่อนอกบ้าน เช่น บิลบอร์ด แอลอีดีบอร์ด รถไฟฟ้า รถสาธารณะ รถแห่ รวมถึงการทำดิสเพลย์พิเศษ และโรดโชว์ต่างๆ และสื่อออนไลน์ ทั้งดิจิทัลและโซเชียลมาร์เก็ตติ้งแคมเปญ การใช้ KOLs (Key Opinion Leaders) ที่มีชื่อเสียงบนโลกออนไลน์ และคอนเทนต์ที่ผู้บริโภครีวิวมาเป็นกระบอกเสียงให้แบรนด์ นอกจากนี้ยังเน้นการทำกิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับตัวแทนจำหน่าย อาทิ การจัดอบรมสัมมนาความรู้ใหม่ๆ เพื่อช่วยการขาย จัดทำคอร์สเพื่อส่งเสริมให้ตัวแทนจำหน่ายรุ่นเยาว์รักที่จะสานต่อธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าจากรุ่นพ่อ การทำแคมเปญส่งเสริมการขายให้ตัวแทนจำหน่ายและผู้บริโภคมากขึ้น เพื่อกระตุ้นการซื้อครั้งแรกและซื้อซ้ำ
“นอกจากการทุ่มงบไปกับการสร้างแบรนด์และการส่งเสริมการขายแล้ว โตชิบาให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ ณ จุดขาย เราลงทุนต่อเนื่องมาตลอดกว่า 5 ปี ในการปรับโฉมร้านค้า สแตนด์ คอร์เนอร์ ป้ายบิลบอร์ด รวมถึง POP (Point of Purchase) ให้มีภาพลักษณ์ที่ดูพรีเมียมขึ้น สะอาดตา ทันสมัย เข้าถึงง่าย และมีเอกลักษณ์เหมือนกันทั่วโลก และให้ความสำคัญกับพนักงานขายที่หน้าร้าน โดยเพิ่มจำนวนพนักงานมากขึ้น ฝึกอบรมให้มีทักษะ ความชำนาญ และบุคลิกภาพที่ดี เพื่อแนะนำข้อมูลลูกค้าได้อย่างถูกต้อง รวมถึงทำแคมเปญเพื่อสร้างแรงจูงใจในการขายต่อเนื่อง”
นางกนิษฐ์ เมืองกระจ่าง ประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวปิดท้ายว่า “แม้สถานการณ์ในปี 2566 จะดีขึ้นกว่าปีก่อน แต่บริษัทฯ ไม่เคยประมาท โดยจัดทำการรีวิวแผนในทุกไตรมาส เพื่อพร้อมรับสำหรับการเปลี่ยนแปลง โตชิบาโชคดีที่มีฐานการผลิตป้อนสินค้าให้ ทั้งจากในประเทศไทยและต่างประเทศ มีบริษัทฯ แม่ที่พร้อมสนับสนุนและเชื่อมั่นในบริษัทฯ และในประเทศไทย อีกทั้งยังมีประชุมกับคู่ค้า ทีม R&D และโรงงาน เพื่อพูดคุย ถกไอเดีย เพื่อพัฒนาไลน์การผลิตให้มีคุณภาพ ตรงกับความต้องการผู้บริโภคคนไทย เราประชุมกับทีมการตลาด ทีมขาย และทีมบริการทุกเดือน เพื่อหาแนวทางในการทำงานที่เหมาะสม เพื่อก่อให้เกิดยอดขายที่มากขึ้น รวมไปถึงงานบริการที่ดีขึ้น”
“โตชิบา ไทยแลนด์ ก่อตั้งมาครบ 54 ปี ในเดือนสิงหาคมนี้ และกำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 55 ในปีหน้า อย่างมั่นคงและยั่งยืน และจะเดินหน้าสร้างการเติบโตต่อไป พร้อมกับ ‘นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต’ ให้กับคนไทย โดยไม่เพียงแต่จะนำเสนอสินค้าและบริการที่ดี แต่สิ่งหนึ่งที่โตชิบายืนหยัดและไม่เคยเปลี่ยน คือการเป็นบริษัทที่มีธรรมาภิบาลที่ดี เป็นบริษัทสีเขียว รักษ์โลก บริษัทฯ ให้ความสำคัญตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบไปจนถึงการผลิต การส่งมอบสินค้า รวมไปถึงการทำการตลาดและการบริการ อีกทั้งยังมีการจัดกิจกรรมตอบแทนสังคมสม่ำเสมอในรูปแบบที่หลากหลาย”