Breaking News
Home / Finance / TikTok เดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จับมือธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ความรู้ด้านการเงินแก่คนไทยตามแนวคิด Smart People & Smart Economy

TikTok เดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จับมือธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ความรู้ด้านการเงินแก่คนไทยตามแนวคิด Smart People & Smart Economy

TikTok ในฐานะแพลตฟอร์มแห่งโอกาสและแหล่งรวมความบันเทิง มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยได้ร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ร่วมกัน เพื่อสนับสนุนการส่งเสริมทักษะความรู้และความเข้าใจในเรื่องการเงินให้ประชาชนไทย

ให้มีความรู้ความสามารถทางการเงินอย่างรอบด้าน ผ่านคอนเทนต์ที่หลากหลายบนแพลตฟอร์ม ซึ่งครอบคลุมเรื่องเศรษฐกิจ การเงิน วินัยทางการเงิน รวมถึงภัยทางการเงิน สอดคล้องกับแนวคิด Smart People และ Smart Economy ที่มีเป้าหมายในการมอบความรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคคล รวมถึงตอบโจทย์การมีเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่รุ่งเรืองและยั่งยืน


ปี 2566 ที่ผ่านมา เราได้เห็นอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของ TikTok ในด้านการเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับการค้นพบคอนเทนต์เกี่ยวกับการเงิน จากข้อมูลของ ‘TikTok Unboxed: แกะกล่องเทรนด์และข้อมูลเชิงลึก’ เผยสถิติเกี่ยวกับ ‘Finance Unboxed’ ว่ามีผู้ใช้เข้าดูคอนเทนต์ในหมวดหมู่การเงินเพิ่มขึ้นถึง 132% เมื่อเทียบเป็นรายปี สถิติดังกล่าวสะท้อนถึงความสนใจ และความเชื่อมั่นของผู้ใช้ต่อคุณภาพคอนเทนต์บนแพลตฟอร์ม ที่นอกจากจะมอบความบันเทิงแล้ว ยังมอบความรู้ไปควบคู่กัน ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์ Edutainment ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนแพลตฟอร์ม TikTok มีผู้ใช้ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน หันมาทำคอนเทนต์เพื่อกระจายความความรู้และทักษะทางการเงินพร้อมสอดแทรกความบันเทิงแก่ผู้ชมมากขึ้น และได้รับการผลักดันคอนเทนต์ทางการศึกษาให้เป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวาง ตอบโจทย์การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และอุดมไปด้วยปัญญา

คุณชนิดา คล้ายพันธ์ Head of Public Policy – TikTok, Thailand* กล่าวว่า “TikTok มุ่งมั่นในการสร้างคุณค่าและพัฒนาคอมมูนิตี้ผู้ใช้โดยดำเนินการตามแนวคิด Smart Economy และ Smart People ซึ่งเน้นที่การพัฒนาทักษะทางดิจิทัลของผู้คนและการเสริมสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่ยั่งยืน เราร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทยด้วยการสนับสนุนพื้นที่สำหรับแชร์ความรู้และทักษะด้านการเงินที่มีประโยชน์ในชีวิตประจำวัน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของคอมมูนิตี้ผู้ใช้ชาวไทยในด้านการเงินและการเป็นอยู่ที่ดี ทั้งยังช่วยเสริมสร้างทักษะการระมัดระวังภัยทางการเงินที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในโลกดิจิทัล TikTok มีความมั่นใจและพร้อมร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างยิ่ง เพื่อเผยแพร่คอนเทนต์ความรู้คู่ความบันเทิง สู่ผู้ใช้ชาวไทยอย่างกว้างขวาง”

“การสื่อสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์พัฒนาอย่างรวดเร็ว และเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่ TikTok เป็นแพลตฟอร์มหนึ่งที่ได้รับความนิยมสูงในประเทศไทย ด้วยรูปแบบที่เข้าถึงได้ง่าย ทันกระแส มีคอนเทนต์ที่หลากหลายทั้งสาระความรู้และความบันเทิงขณะที่ ธปท. มีข้อมูลความรู้ด้านการเงินที่ต้องการเผยแพร่ไปในวงกว้าง โดยเฉพาะเรื่องใกล้ตัวประชาชน เช่น การเตือนภัยการเงิน การบริหารจัดการหนี้สิน ความร่วมมือในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นประโยชน์กับประชาชนในการรับรู้และเข้าถึงข้อมูล ของ ธปท. แต่จะยังช่วยพัฒนาการสื่อสารของ ธปท. ให้น่าสนใจ เข้าใจง่าย และตอบโจทย์พฤติกรรมการรับสาร และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ” คุณชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าว

ความร่วมมือระหว่าง TikTok และ ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ TikTok ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน รวมถึงตอกย้ำภาพลักษณ์การเป็นแพลตฟอร์มเพื่อทุกคนที่มีการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพด้านการเงินให้แก่ประชาชนไทย โดยการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ดิจิทัลอย่างคุ้มค้าผสานกับคอนเทนต์ที่มีสไตล์โดดเด่น การผนึกกำลังครั้งนี้มุ่งหวังที่จะสร้างชุมชนอันแข็งแกร่งและทรงปัญญา ซึ่งสามารถบริหารการเงินอย่างสมเหตุสมผลและรับมือกับความเสี่ยงทางการเงินในโลกดิจิทัลได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย

Check Also

AIS ประสบความสำเร็จการขายหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน มูลค่ารวม 25,000 ล้านบาท ตอกย้ำผู้นำอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย

“บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (“บริษัท” หรือ “AIS”)  ขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่เชื่อมั่นและจองซื้อหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืนที่บริษัทเสนอขายในครั้งนี้จำนวน 5 รุ่น ได้แก่ หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.54% ต่อปี หุ้นกู้อายุ 4 ปี ที่อัตราดอกเบี้ย 2.74% ต่อปี หุ้นกู้อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.76% ต่อปี หุ้นกู้อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.92% ต่อปี และหุ้นกู้อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.22% ต่อปี  โดยเปิดจองซื้อในระหว่างวันที่ 8 และ 11-12 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ที่ระดับ AAA(tha) จาก บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี  ส่งผลให้ยอดจองซื้อหุ้นกู้เต็มจำนวนตามเป้าหมาย 25,000 ล้านบาท