Breaking News
Home / Tech Insight / ถึงเวลาแล้วที่ผู้บริหารด้านไอทีจะได้ประกาศความเป็นผู้นำ และขับเคลื่อนกลยุทธ์ Cloud ขององค์กรให้ก้าวไกลกว่าที่เคย ในช่วงโควิด!!

ถึงเวลาแล้วที่ผู้บริหารด้านไอทีจะได้ประกาศความเป็นผู้นำ และขับเคลื่อนกลยุทธ์ Cloud ขององค์กรให้ก้าวไกลกว่าที่เคย ในช่วงโควิด!!

สำหรับผู้บริหารทางด้านไอที ในปี 2020 ที่ผ่านมาเพียงปีเดียวกลับรู้สึกเหมือนผ่านไปเป็นสิบปี     หลายประเทศในยุโรปฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือประกาศล็อกดาวน์ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 2020  และเพิ่งจะเห็นแสงสว่างอีกครั้งในอีก 12 เดือนต่อมา หาก “ความดิ้นรนในการมีชีวิตรอด” คือ ต้นกำเนิดของการประดิษฐ์คิดค้นแล้ว ในช่วงเวลาท้าทายเช่นนี้จึงเป็นแรงผลักดันให้เหล่า CIO ทั้งหลายสร้างผลงานออกมามากกว่าที่เคยทำในอดีต โดยการวางระบบ และเครื่องมือที่ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานที่บ้านตนเองได้

ขณะนี้นับว่าเป็นช่วงเวลาอันยอดเยี่ยม ผู้บริหารทางด้านไอทีจะได้ระลึกถึงความสำเร็จที่ผ่านมา และเฉลิมฉลองที่มาได้ไกลขนาดนี้ !!  เมื่อพบว่าการเปลี่ยนแปลงโยกย้ายระบบจากเดิมหลาย ๆ กรณี ต้องใช้เวลานาน 2-3 ปี กลับเหลือเพียงไม่กี่เดือน รวมทั้งพบว่าความปลอดภัย และความยืดหยุ่นของบริการคลาวด์นั้น เป็นหัวใจหลักที่ทำให้ธุรกิจเกิดความคล่องตัว และ ฟื้นตัวได้

นอกจากนี้ แรงขับที่สำคัญในการกระตุ้นให้เกิดการใช้คลาวด์เร็วขึ้นนั้น คือ ต้นทุนของระบบ On-Premises ที่ใช้เงินสูงมากแต่ใช้เวลานานกว่าจะคุ้มค่ากับการลงทุน การตระหนักถึงความจริงข้อนี้ ทำให้หลายองค์กรต้องมีการปรับกลยุทธ์ นับตั้งแต่องค์กรผู้ให้บริการทางด้านการเงินที่หยุดการขยายสาขา และระงับการโยกย้ายศูนย์ข้อมูลทั้งหมด โดยเปลี่ยนเป็นการย้ายเฉพาะซอฟต์แวร์ขึ้นไปไว้บนคลาวด์ และเปลี่ยนค่าใช้จ่ายในการลงทุน (CAPEX) เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) แทน

อีกทั้ง เป็นการดีที่ได้รู้ว่าความยากลำบากที่เหล่าผู้บริหารทางด้านไอทีเผชิญมานั้น ก่อให้เกิดผลลัพธ์เชิงบวกมายมาย  ซึ่งก่อนจะเกิดโรคระบาดเราได้เห็นความเสมอภาคเท่าเทียมกันในเชิงไอทีเพิ่มมากขึ้น เมื่อการจัดซื้อเทคโนโลยีมีอัตราส่วนที่เติบโตจากการสั่งซื้อของสายงานด้านธุรกิจต่าง ๆ โดยการพิจารณาจากความยืดหยุ่น และการตอบสนองที่ฉับไว ดังนั้น การเปิดโอกาสให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในกระบวนการสรรหาเทคโนโลยีเช่นนี้ พิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยลดระยะเวลาในการตัดสินใจสั่งซื้อได้อย่างมาก แต่ในบางครั้งทำให้ผู้บริหารทางด้านไอทีต้องปรับตัวให้ทันต่อการปะทุของ “Shadow IT” หรือการที่พนักงานนำ Public Cloud เข้ามาใช้ โดยปราศจากการกำหนดนโยบายควบคุมการใช้งาน ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อธุรกิจ การตอบสนองเหตุการณ์โรคระบาดที่ทรงประสิทธิภาพนั้น ต้องอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่างฝ่ายไอที และผู้ใช้ แทนที่จะใช้วิธีสั่งการจากเบื้องบน ด้วยการปรับใช้เทคโนโลยีที่เชื่อมโยงโดยตรงกับวัตถุประสงค์ทางธุรกิจมากขึ้น

โดยในปีต่อมามีลูกค้ารายหนึ่งได้กล่าวไว้ว่าเป็นปีแห่ง “Crisis on Demand” – การนำเสนอเทคโนโลยีเพื่อเป็นทางออกให้กับธุรกิจใหม่ ๆ ยังคงเป็นความท้าทายที่มีอย่างต่อเนื่องของผู้บริหารองค์กรในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีให้มากที่สุดได้อย่างไร เพื่อการแข่งขันธุรกิจในยุคดิจิทัล ส่วนมากเราพบว่า สภาพแวดล้อมที่เน้นระบบคลาวด์นั้นทำให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดได้ในช่วงโรคระบาด เนื่องจากมีความคล่องตัว ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านนี้

คุณต้องทราบว่า ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน จึงจะสามารถทำแผนที่เส้นทางไปยังจุดหมายได้

สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ ประเมินสิ่งที่คุณมีอยู่ ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของคุณนั้นอาจจะกำลังช่วยพยุงธุรกิจคุณให้เติบโตได้ในขณะนี้ แต่คุณคงไม่ต้องการให้สิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้น โปรดจงรู้ไว้ว่า คุณได้ทำสิ่งที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อนธุรกิจช่วงที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดไปแล้ว และตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องปรับเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ รอบตัวให้เหมาะสม ตลอดจนดูให้แน่ใจว่า โครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่มีอยู่ จะสามารถนำธุรกิจของคุณให้พร้อมขับเคลื่อนไปตามความต้องการของตลาดในอนาคต

คุณจำเป็นต้องตรวจสอบอย่างละเอียด เนื่องจากเป็นไปได้สูงที่ธุรกิจของคุณจะใช้คลาวด์เซอร์วิสที่คุณไม่เคยทราบมาก่อนอยู่ กุญแจสู่ความสำเร็จในเรื่องนี้ คือ ข้อมูล ให้ติดตามทุกตัวชี้วัดเท่าที่ทำได้ โดยให้ความใส่ใจพิเศษกับความปลอดภัย ความยืดหยุ่น ต้นทุนค่าใช้จ่าย และประสิทธิภาพ ลูกค้าของฟูจิตสึมีทางเลือกในการใช้แดชบอร์ด ดูการทำงานทั้งหมดของคลาวด์ในทุกรายที่ใช้งานอยู่ได้ภายในหน้าจอเดียว แต่หากคุณไม่มีแดชบอร์ดดังกล่าว ก็ขอให้พยายามรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่คุณมี โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับสิ่งที่คุณสงสัยว่าเป็นต้นตอของปัญหา

หลังจากคุณรวบรวมรายชื่อของระบบย่อยต่าง ๆ ที่มีอยู่ครบถ้วนแล้ว อย่าลืมตรวจสอบความเชื่อมโยงกัน (dependencies) ระหว่างระบบย่อยเหล่านั้นด้วย เมื่อคุณปรับสมดุลในการกระจายโหลดไปยังผู้ให้บริการรายต่าง ๆ แล้ว คุณคงไม่อยากเผลอตัดความเชื่อมโยงเหล่านั้นให้ขาดสะบั้นไปจนระบบเดิมพัง โปรดระลึกไว้เสมอว่า บางความเชื่อมโยงจะอยู่เหนืออำนาจการควบคุมของคุณ ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อมโยงระหว่างระบบรับชำระเงินต่าง ๆ ไปจนถึงระบบงานของภาครัฐ เป็นต้น

จังหวะนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่ดี ที่จะตรวจสอบว่าองค์ประกอบอื่น ๆ ที่พาคุณไปสู่ความสำเร็จนั้นได้ถูกวางไว้อย่างถูกต้องเหมาะสม ยกตัวอย่างเช่น จำนวนบุคลากรที่มีทักษะด้านงานโครงสร้างพื้นฐานไอทีมีเพียงพอหรือไม่ คุณต้องการบรรลุเป้าหมาย SLA หรือ KPI ในระดับใด คุณจะจัดการเครือข่ายคู่ค้า หรือซัพพลายเออร์ของคุณ เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจที่รวดเร็วได้อย่างไร หรือแม้กระทั่ง คุณต้องพึ่งพาพันธมิตรข้างนอกในระดับใด เพื่อเติมช่องว่างทักษะที่องค์กรขาดอยู่

นอกจากนี้ คุณต้องทำหน้าที่ CFO ให้คลาวด์ใหม่ของคุณเองด้วย คุณควรพินิจพิจารณาการเงินของคุณ เพื่อระบุให้ได้ว่าคุณใช้จ่ายไปกับเรื่องอะไรบ้าง และคุ้มค่าที่สุดหรือไม่ โดยเฉพาะกับระบบคลาวด์ที่มีเซอร์วิสมากมายพร้อมให้เปิดใช้เพียงคลิกไม่กี่ครั้ง คุณจึงมีโอกาสที่จะเปิดใช้เยอะเกินความจำเป็น ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่สุดท้ายคุณจะพบว่า ได้จับจ่ายไปกับฟีเจอร์ที่พิเศษเกินกว่าที่จะอยู่ในระบบ Dev และในทำนองเดียวกับตู้เซิร์ฟเวอร์เก่าฝุ่นจับในดาต้าเซ็นเตอร์ที่คุณลืมนึกถึงไปแล้ว การย้ายโครงสร้างพื้นฐานขึ้นไปไว้บนคลาวด์นั้น ยังอาจหมายถึงการจ่ายค่าเช่าเซอร์วิสในส่วนที่คุณไม่เคยตระหนักรู้มาก่อน ขอให้พิจารณาต้นทุนที่เป็นไปได้ทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจคิดว่าคลาวด์สตอเรจที่เช่าอยู่มีความคุ้มทุนอยู่แล้ว แต่เคยได้คำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการกู้คืนข้อมูลในกรณีที่เกิดปัญหาแล้วหรือยัง

อย่าลืมปรึกษาเพื่อนร่วมงานในสายธุรกิจอื่น ๆ ด้วยในขณะวางแผนขั้นตอนต่อไป เพราะท้ายที่สุดแล้ว บทบาทของเทคโนโลยี  คือการสนับสนุนธุรกิจที่ฟูจิตสึเราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าการร่วมสร้างสรรค์ เป็นวิธีที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุดวิธีหนึ่งในการหาโซลูชันที่ดีที่สุด โครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่ดี ต้องสามารถรองรับธุรกิจและความต้องการที่หลากหลายของแผนกต่าง ๆ ได้ ขอให้คุณอาศัยความเชี่ยวชาญของเพื่อนร่วมงาน เพื่อเป็นสะพานนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืน

ความปลอดภัยน่าจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

เมื่อคุณรู้ว่าคุณมีอะไรและต้องการไปที่ไหน คุณก็ต้องระบุช่องว่าง หาความแตกต่างระหว่างระบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน กับมาตรฐานที่ต้องการจะเป็นในอนาคตให้ได้ กว่าหนึ่งปีแล้วที่พนักงานนั่งทำงานจากที่บ้าน โดยใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ภายนอกระบบเครือข่ายขององค์กร ความปลอดภัยจึงน่าจะมีความสำคัญเป็นอันดับแรก สืบเนื่องจากบริเวณที่เสี่ยงถูกโจมตีขยายใหญ่ขึ้น นี่เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่การประสานร่วมมือคือ กุญแจสำคัญ การให้ความรู้เพื่อนร่วมงานของคุณ จะกลายเป็นแนวป้องกันภัยจากอาชญากรรมไซเบอร์ที่ทรงพลานุภาพที่สุด เป้าหมายของคุณ จึงควรเป็นการช่วยให้พนักงานแต่ละคนเข้าใจบทบาทของตน ในเรื่องการรักษาความปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพ คอยส่งเสริมและกระตุ้นให้พวกเขาดำเนินมาตรการที่เหมาะสมในยามเผชิญปัญหา การทำงานใกล้ชิดกับแต่ละแผนกเพื่อเน้นฝึกอบรมเรื่องความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในส่วนที่เกี่ยวข้อง จะก่อให้เกิดประโยชน์ในระยะยาว

อย่าลืมเปิดใจให้กว้างสำหรับอนาคต – โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์หรือมัลติคลาวด์ ที่เคยช่วยให้คุณผ่านพ้นเรื่องราวของปีก่อน อาจจะไม่เหมาะกับธุรกิจของคุณในปีนี้ และปีต่อไป ๆ ถึงเวลาแล้วที่จะปรับแต่งระบบให้ดีที่สุด ตรวจสอบให้มั่นใจว่าแต่ละ workload อยู่บนคลาวด์ของผู้ให้บริการที่เหมาะสมที่สุด และได้กำกับดูแลโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดอย่างครบถ้วน ข่าวดี คือ ฟูจิตสึมีเครื่องมือสำหรับจัดการโยกย้าย workload โดยเรามีแม้กระทั่งระบบย้ายข้อมูลเมนเฟรมไปไว้บนคลาวด์ด้วย หากนั่นเป็นไปตามวัตถุประสงค์ทางธุรกิจของคุณ

จะเกิดอะไรขึ้น หากปีนี้คุณไม่ได้ปรับตัวเองให้มีความยืดหยุ่น แถมยังไม่ใช้คลาวด์อีก

แต่หากธุรกิจของคุณอยู่ในอุตสาหกรรมที่โดนแช่แข็งตลอดปีที่แล้ว เช่น อุตสาหกรรมค้าปลีก การเดินทางท่องเที่ยว หรือโรงแรม ข่าวดี คือ การที่องค์กรอื่น ๆ สามารถขยับไปใช้มัลติคลาวด์อย่างเต็มตัวได้เร็วกว่าคุณ ไม่ได้หมายความว่ามันสายเกินไปสำหรับคุณ กลับกันคุณอาจได้เปรียบองค์กรเหล่านั้นเสียอีก ในแง่ของการเรียนรู้จากบทเรียน และการมีโอกาสใช้เซอร์วิสใหม่ ๆ ที่พันธมิตรของเราพัฒนาขึ้น เพื่อพาคุณลัดขั้นตอนการเรียนรู้ไปสู่การนำไปใช้อย่างรวดเร็ว

ไม่ว่าคุณจะอยู่ ณ จุดใดบนเส้นทางการย้ายระบบไปไว้บนมัลติคลาวด์ ฟูจิตสึก็มีเครื่องมือที่ตอบโจทย์ได้ทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ SpringBoard ที่สามารถเร่งความเร็วการขยับไปใช้ AWS หรือ Azure โดยใช้ Infrastructure as Code ที่ยังช่วยในเรื่องการบริหารจัดการ และกำกับดูแลคลาวด์ในองค์กรอีกด้วย สิ่งเหล่านี้จะทำให้การติดตั้งใช้งานคลาวด์อยู่บนกระบวนการที่เป็นมาตรฐาน เป็นไปตามแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด และตลอดจนมีเช็กลิสต์ต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่า dependency ทั้งหมดจะไม่ถูกมองข้ามไป ระเบียบวิธีของเรายังรวมถึงการตรวจสุขภาพของระบบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าโครงสร้างพื้นฐานไอทีจะได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมที่สุดกับธุรกิจของคุณ และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าของคุณมากที่สุด

ปีที่แล้วได้มอบบทเรียนอันมีค่าให้กับเรา : ธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวอย่างมาก เพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน และความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะย้อนกลับไปแก้ไขสิ่งต่างๆ ที่เคยทำมา ตอนนี้เป็นเวลาที่ควรเปิดใจรับมัลติคลาวด์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจคุณ และเป็นเวลาที่เหล่าผู้นำด้านไอทีควรแสวงหาประโยชน์จากโมเมนตัมที่ดำเนินอยู่เพื่อไขว่คว้าอนาคตที่สดใส และ

สุดท้าย หากคุณต้องการให้ฟูจิตสึเป็นที่ปรึกษาในการวางแผนย้ายระบบไปใช้มัลติคลาวด์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจในช่วงหลังโควิด ก็สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.fujitsu.com/global/services/multi-cloud/cloud-services/index.html

Check Also

TERA เปิดตัวการให้บริการ T.Cloud Gen3 ที่สุดแห่งบริการคลาวด์โดยคนไทย พร้อมเปิดให้บริการแล้ววันนี้

บริษัท เทอร์ราไบท์ พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ “TERA” เปิดตัวการให้บริการ T.Cloud Generation ที่ 3 (T.Cloud Gen3) ที่สุดแห่งบริการคลาวด์แบบอัจฉริยะของคนไทย เพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่องค์กรภาคเอกชนและหน่วยงานภาครัฐ ต่อยอดสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจอย่างแท้จริง