“เซ็นทรัลพัฒนา” จับมือธุรกิจในเครือกลุ่มเซ็นทรัล นำโดยเซ็นทรัล รีเทลและพันธมิตรกว่า 15,000 ราย รวมพลังคนไทยเพื่อภารกิจระดับชาติ วางโรดแมปเร่งกระตุ้น ‘วัคซีนเศรษฐกิจ แบบ Omnichannel’ ทุ่มงบ 120 ล้านบาท ประเดิมแคมเปญใหญ่ “ฮักไทย ไทยช่วยไทย รวมใจช้อป” ทั่วประเทศ เริ่ม ก.ค. ถึง ส.ค. 64
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้นำในธุรกิจศูนย์การค้าและอสังหาริมทรัพย์ไทย ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา, เซ็นทรัลเฟสติวัล, เซ็นทรัล ภูเก็ต และเซ็นทรัล วิลเลจ รวม 33 สาขาทั่วประเทศ แถลงกลยุทธ์วางโรดแมปตลอดครึ่งปี 64 กระตุ้น ‘วัคซีนเศรษฐกิจ แบบ Omnichannel’ ช่วยลดค่าครองชีพประชาชน ปลุกกระแส ไทยช่วยไทยอย่างเป็นรูปธรรม ในภารกิจระดับชาติ จับมือ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจค้าปลีกของไทย ร่วมด้วยธุรกิจในเครือเซ็นทรัล – เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป, The 1, แอปพลิเคชั่น ดอลฟิน, เซ็นทารา และพันธมิตรธุรกิจอื่นๆ
ทุ่มงบการตลาดกว่า 120 ล้านบาท ประเดิมแคมเปญใหญ่แห่งปีทั่วประเทศ “ฮักไทย ไทยช่วยไทย รวมใจช้อป” ระหว่างเดือน ก.ค. ถึง ส.ค. 64 กระตุ้นคนไทยร่วมกัน กิน-ช้อป-ใช้-เที่ยวที่ไทย ลดสูงสุด 90% ร่วมกับธุรกิจในเครือกลุ่มเซ็นทรัล นำโดยเซ็นทรัล รีเทล พันธมิตรร้านค้ากว่า 15,000 ราย ดันยอดขายร้านค้าผ่าน Worry-free Omnichannel
โดยมีพันธมิตรชั้นนำต่างๆ พร้อมใจร่วมแคมเปญ อาทิ บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน บัตรเครดิตซิตี้ บัตรเครดิตธนาคารออมสิน บัตรเครดิตกสิกรไทย บัตรเครดิตกรุงศรี บัตรเครดิตเคทีซี บัตรเครดิตไทยพาณิชย์ บัตรเครดิตทีทีบี บัตรเครดิตทีเอ็มบี และบัตรเครดิตธนชาต, Amanpuri, SALA, Hyatt Regency
เตรียมพร้อมแผนผลักดันเศรษฐกิจของภาครัฐ นำโดย ททท. อาทิ Amazing Thailand Grand Sale 2021 ฝ่าวิกฤตโควิด อีกทั้ง มีแผนระยะยาวยกระดับ SMEs และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งระบบ พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการ เกษตรกร และคนไทยทุกอาชีพ ผ่านแคมเปญต่างๆ กว่า 100 แคมเปญทั้งออนไลน์และออฟไลน์ที่เตรียมจัดต่อเนื่องถึงสิ้นปี
ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เซ็นทรัลพัฒนา มุ่งมั่นในการเป็นพลังบวกที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศในด้านต่างๆ มาโดยตลอด ตั้งแต่เริ่มต้นสถานการณ์ในปีนี้ เราได้วางโรดแมปที่จะช่วยเดินหน้าและประคอง
เศรษฐกิจ รวมไปถึงในขณะนี้ที่ภาครัฐกำลังเดินหน้ากระจายการฉีดวัคซีนและเตรียมแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ กลุ่มเซ็นทรัลและพันธมิตรพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ด้วยกลยุทธ์ Central Synergy เป็น National Accelerator ฝ่าวิกฤตโควิด กระตุ้น ‘วัคซีนเศรษฐกิจ แบบ Omnichannel’ ช่วยลดค่าครองชีพ ประคองทุกธุรกิจไปด้วยกัน”
ดร. ณัฐกิตติ์ กล่าวต่อไปว่า “กลยุทธ์ที่ 1: Thais Help Thais Economy สร้างเศรษฐกิจไทยช่วยไทยอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศเป็นแพลตฟอร์มทั้งศูนย์การค้าและออนไลน์ในการขับเคลื่อน กิน-ช้อป-ใช้-เที่ยวที่ไทย ได้แก่
· เป็นตัวเร่งการยกระดับผลิตภัณฑ์ SMEs ทั่วไทยและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพื่อ Complete Value Chain ไม่ว่าจะเป็น Product Enhancement Sustainability สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าในระยะยาว ด้วยโปรแกรมต่างๆ ในเครือเซ็นทรัล สนับสนุน Craftmanship และสินค้า OTOPs เน้นการสร้าง Local Bonding ให้กับแต่ละย่านหรือท้องถิ่น และเมื่อสถานการณ์คลี่คลายขึ้นพร้อมเปิดพื้นที่รวม 40,000 ตร.ม.ช่วยเหลือ SMEs, เกษตรกร และอาชีพต่างๆ อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลมีถึง 33 สาขาทั่วประเทศจึงเป็น Platform สำหรับ Product Rotation ด้วยการจัดสินค้าและงาน Thematic ต่างๆ ทั่วประเทศแบบ Cross Region เช่น SACICT เพลินคราฟต์, Made in Thailand Fair, ตลาดผลไม้รวมใจ, งานเฟรนไชส์ สร้างอาชีพ และงานสินค้าชุมชน เป็นต้น รวมไปถึงการส่งเสริม Local Tourism ผ่านกิจกรรมเที่ยวท้องถิ่นทั้งกิน พัก และสัมผัสวิถีชีวิตชุมชน
· แคมเปญลดราคาครั้งใหญ่กลางปี “ฮักไทย ไทยช่วยไทย รวมใจช้อป” ทั่วประเทศระหว่าง ก.ค.-ส.ค. 64 รวมใจลดทั่วไทย ช่วยลดค่าครองชีพผู้บริโภคในสินค้าทุกประเภท ลดสูงสุด 90% ทั่วไทย แบบ Omnichannel ทั้ง online & offline กว่า 15,000 แบรนด์ พร้อม Cashback สูงสุด 15% ลดกระหน่ำ ทุกใบเสร็จใช้จ่ายที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลมีค่า 1 บาทร่วมแคมเปญ Help Thai Fight Covid-19
· Vaccination Accelerator เร่งกระจายวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เปิดพื้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 23 สาขา (จากทั้งหมด 33 สาขาทั่วประเทศ) รวมกว่า 40,000 ตร.ม. โดยเป็นผู้นำตัวจริงและ “ต้นแบบ” ศูนย์การค้าปลอดภัย Provincial Vaccination Centers ทั่วประเทศ
· รวมพลัง HUG THAIS, #เราทำเพราะเรารักไทย รวมพลังคนไทยร่วมแสดงออกถึงความรักไทยในสิ่งที่คุณทำได้ ทั้งกิน-ช้อป-ใช้-เที่ยวที่ไทย สนับสนุนคนไทย ไปจนถึงร่วมใจฉีดวัคซีน เพื่อก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน
คุณปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เผยต่อไปว่า “ในส่วนกลยุทธ์ที่ 2: เซ็นทรัล รีเทล ร่วมเสริมทัพด้วยพลังของ CRC พร้อมแพลตฟอร์ม Omnichannel ที่แข็งแกร่งที่สุด เพื่อผลักดันแคมเปญ “ฮักไทย” รวมใจ ไทยไม่ทิ้งกัน” ที่ริเริ่มโดยกลุ่มการค้าและบริการ หอการค้าไทย ให้กลายเป็นโครงการระดับชาติ กระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ และการเดินหน้าของเศรษฐกิจ สร้างประเทศไทยให้เป็น “จุดหมายปลายทางแห่งความสุข” โดยการส่งต่อกำลังใจ และโอบกอดคนไทยด้วยความรัก กระตุ้นให้คนไทยทุกคน หันมาอุดหนุนสินค้าไทย เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย ยกระดับสินค้าและบริการ อัดฉีดเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านแนวคิด “ฮักกิน ฮักเที่ยว ฮักใช้”
· ฮักกิน: กระตุ้นให้ช่วยสนับสนุนร้านอาหารจากผู้ประกอบการคนไทย, อาหารไทย รวมทั้งเชิญชวนให้คนออกไป สัมผัสประสบการณ์การกินแบบท้องถิ่นในประเทศไทย
· ฮักเที่ยว: กระตุ้นให้คนเดินทางเพื่อไปพบเจอประสบการณ์ใหม่ๆ พร้อมทั้งสนับสนุนธุรกิจการท่องเที่ยวของผู้ประกอบการของคนไทย ทั้งขนาดกลางและขนาดเล็กในจังหวัด
· ฮักใช้: กระตุ้นให้คนใช้จ่ายสนับสนุนสินค้าชุมชนท้องถิ่น พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนธุรกิจของชุมชน”
คุณปิยวรรณ กล่าวต่อไปว่า “โดยเซ็นทรัล รีเทลได้ผนึกกำลังธุรกิจในเครือ 10 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ห้างสรรพสินค้า โรบินสัน, ซูเปอร์สปอร์ต, เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป, เพาเวอร์บาย, บีทูเอส, ออฟฟิศเมท, ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์ และเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ รวม 1,048 สาขา ครอบคลุมกว่า 50 จังหวัดทั่วประเทศ นำเสนอสินค้าและบริการ พร้อมโปรโมชั่นลดกระหน่ำสูงสุด 90% ให้ลูกค้าพร้อมผสานพลังความแข็งแกร่งด้วยจุดแข็งจากแพลตฟอร์ม Omnichannel และสร้างสรรค์ New Central Retail Lifestyle & Food Platform ซึ่งประกอบด้วย Central โมบายล์แพลตฟอร์ม ที่เป็น Everyday Lifestyle Application รวมทุกกลุ่มสินค้าทั้ง ฟู้ด และน็อนฟู้ดในเครือเซ็นทรัล รีเทลครบในที่เดียว ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการความง่าย สะดวก รวดเร็ว อาทิ ท็อปส์ ออนไลน์, ควิกคอมเมิร์ซ และขยายบริการ Personal shopper 1425 สำหรับลูกค้าทุกคน รวมถึง Chat & Shop, Call & Shop, Click & Collect, Drive Thru ซึ่งแพลตฟอร์ม Omnichannel ของเซ็นทรัล รีเทลได้ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ยอดขายผ่านช่องทางนี้ในไตรมาส 1/2564 ของ เซ็นทรัล รีเทล เติบโตเกือบ 3 เท่า คิดเป็นสัดส่วนกว่า 13% ของยอดขายทั้งหมด เหล่านี้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งของเซ็นทรัล รีเทล ช่วยตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในช่วงเวลานี้ได้อย่างแท้จริง”
คุณภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ Head of Commercialization บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “ส่วนสำคัญที่เราดูแลต่อเนื่องคือ กลยุทธ์ที่ 3: ยืนหยัด 360° Tenant-Centric Business Partnership เคียงข้างพันธมิตรผู้เช่ากว่า 15,000 ราย ทั้งการดูแลค่าเช่าและเงินหมุนเวียนธุรกิจ และยังได้รุกแพลตฟอร์มและบริการใหม่ๆ สร้าง Worry-Free Omnichannel ที่ประสบความสำเร็จทั้ง Delivery, Food Take-Away, Chat & Shop on Demand, Central Eats, Drive-Thru รวมถึง The 1 Biz โปรแกรม CRM ที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้คู่ค้าต่อเนื่อง อีกทั้งการเดินหน้าเปิดแคมเปญจะเป็นการช่วยเหลือ สร้างเงินหมุนเวียนให้คู่ค้าได้มากขึ้น เริ่มตั้งแต่แคมเปญ I’M VACCINATED ชวนคนฉีดวัคซีนที่เซ็นทรัลมารับสิทธิพิเศษจากร้านค้าร้านอาหารที่ร่วมรายการ ต่อเนื่องด้วยแคมเปญ ‘ฮักไทย ไทยช่วยไทย รวมใจช้อป’ และจัดแคมเปญเป็น Food destination สำหรับร้านอาหาร Take away พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกผ่าน Food delivery service อาทิ Grab เพื่อช่วยกระตุ้นยอดขายของร้านค้าอย่างเต็มที่ และเรายังได้วางแผนปูพรมอีกกว่า 100 แคมเปญทั้งที่ศูนย์การค้าและออนไลน์จนถึงสิ้นปี มีการดึงพาร์ทเนอร์ต่างๆ มาเข้าร่วมในรูปแบบ Tailor-Made Marketing อีกด้วย นอกจากนี้ ยังได้ผนึกกำลังธนาคารชั้นนำ 7 แห่งเพื่อช่วยให้เข้าถึงโปรแกรมสินเชื่อฟื้นฟูหรือเงินกู้ Soft Loan โดยมีระบบ Grading ฐานข้อมูล Credit Score สร้างความน่าเชื่อถือให้กับคู่ค้าแต่ละราย”
ดร. ณัฐกิตติ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “เรายังคงวางแผนระยะยาวในกลยุทธ์ที่ 4: การฟื้นฟูท่องเที่ยวทั้งระบบ นำโดยศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต นำร่องนโยบายรัฐ Phuket Sandbox โดยได้รับมอบตราสัญลักษณ์ SHA PLUS+ จาก ททท. โดยมีพนักงานฉีดวัคซีนครบแล้ว 85% พร้อมนำร่องแคมเปญใหญ่ HUG THAIS HUG PHUKET, CENTRAL PHUKET HOTEL FAIR ผนึกกว่า 100 โรงแรมดังมอบส่วนลดที่พักสูงสุด 70% พร้อมต่อยอดไปเมืองท่องเที่ยวออื่นๆ เช่น สมุย นอกจากนี้ ยังวางแผนโปรโมทและสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบ Cross Region ขยายผลสู่การสนับสนุนธุรกิจแบบ Cross-Value Chain ทั้งธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมเช่นที่เคยสำเร็จมาแล้ว พร้อมต่อยอดงานกระตุ้นยอดขายไปสู่ธุรกิจอื่นอย่างยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
โดยยังมีแผนระยะยาวในการลงทุนโครงการใหม่ๆ ที่เซ็นทรัล อยุธยา, เซ็นทรัล ศรีราชา และเซ็นทรัล จันทบุรี เป็นการบุกเบิกเมืองเศรษฐกิจใหม่ๆ จะช่วยจ้างงานเพิ่มและสร้างอาชีพให้ท้องถิ่นด้วย”