Breaking News
Home / Auto & Motor / BYD ร่วมกับ เรเว่ ออโตโมทีฟ เปิดตัว BYD SEALION 6 DM-i Super Hybrid ประเดิมยนตรกรรม Plug-in Hybrid เอกสิทธิ์เฉพาะจาก BYD รุ่นแรกที่ผลิตในไทย

BYD ร่วมกับ เรเว่ ออโตโมทีฟ เปิดตัว BYD SEALION 6 DM-i Super Hybrid ประเดิมยนตรกรรม Plug-in Hybrid เอกสิทธิ์เฉพาะจาก BYD รุ่นแรกที่ผลิตในไทย

บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจําหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BYD อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ ตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ เปิดตัว BYD SEALION 6 DM-i Super Hybrid รถยนต์ C-SUV ขนาดใหญ่ 5 ที่นั่ง 5 ประตู ที่มาพร้อมสมรรถนะเหนือชั้น มอบความสะดวกสบายระดับพรีเมียมด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะรอบคัน ประเดิมเป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกจาก BYD ที่ผลิตโดยโรงงานบีวายดีประเทศไทย   เปิดจองสิทธิ์แล้ววันนี้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการ BYD ทั่วประเทศในราคาคาดการณ์จำหน่าย รุ่น Dynamic 939,900 บาท พร้อมส่งมอบให้ลูกค้าชาวไทยสัมผัสประสบการณ์เสมือนขับรถ EV ได้ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป

BYD SEALION 6 DM-i Super Hybrid มาพร้อมเทคโนโลยี DM-i อันล้ำสมัย ผสานจุดแข็งของรถยนต์ไฟฟ้า (BEVs) และ รถยนต์ไฮบริด (HEV) เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงพร้อม เครื่องยนต์เบนซินที่พัฒนามาเพื่อรถยนต์ Plug-In Hybrid โดยเฉพาะ สามารถสลับการทำงานระหว่างโหมดไฟฟ้าและโหมดไฮบริดได้อย่างชาญฉลาด โดยใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อการขับเคลื่อนจากมอเตอร์เป็นหลัก สร้างประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบสงบ นุ่มนวล และยังมอบความอุ่นใจตลอดการเดินทางทั้งสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวันและการเดินทางเพื่อการพักผ่อนระยะทางไกล ด้วยเครื่องยนต์เบนซินประสิทธิภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานเสริมให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ และเพื่อประสิทธิภาพการส่งกำลังสูงสุดเครื่องยนต์จะทำงานเพื่อการขับเคลื่อนโดยตรงเมื่อต้องการกำลังขับเคลื่อนสูงสุด เช่น การเร่งแซง หรือเมื่อแบตเตอรี่มีระดับพลังงานต่ำ เป็นต้น เทคโนโลยี DM-i เอกสิทธิ์เฉพาะจาก BYD ไม่เพียงมอบการขับขี่ที่มีสมรรถนะสูงเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างดีเยี่ยม และลดการปล่อยมลพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เป็นไปตามคอนเซ็ปต์ของ BYD “Cool the Earth By One Degree”

การนำร่องผลิตรถยนต์ BYD SEALION 6 DM-i Super Hybrid ที่โรงงานบีวายดีประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 600 ไร่ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ จังหวัดระยอง เป็นก้าวสำคัญที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ BYD ที่ต้องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งระดับชุมชนและระดับประเทศ โดย BYD ต้องการให้โรงงานซึ่งมีกำลังการผลิตสูงสุด 150,000 คันต่อปีแห่งนี้เติบโตเป็นศูนย์กลางการผลิตและการส่งออกรถยนต์พวงมาลัยขวาไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ช่วยกระตุ้นการเติบโตของ GDP และยังมีแผนในการสร้างงานให้กับคนไทยกว่า 10,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ BYD ยังมีแผนการพัฒนาและการให้ความรู้ระยะยาวกับสถาบันอุดมศึกษาหลายแห่ง อาทิ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก และวิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรี ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ทำเข้ามาเพื่อพัฒนาตนเองและศึกษาความรู้ด้านเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอันทันสมัย รวมถึงยังให้ความสำคัญกับการทำกิจกรรมเพื่อสังคมซึ่งถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงการตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขององค์กร เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยในระยะยาว ซึ่งไม่เพียงเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มในห่วงโซ่อุปทานของประเทศ แต่ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในเวทีโลก นำไปสู่การยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

นายเบนสัน เค่อ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีวายดีไทยแลนด์ จํากัด กล่าวว่า “ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมยานยนต์ที่โดดเด่นที่สุดและมีโครงสร้างพื้นฐานที่สมบูรณ์พร้อมที่สุดแห่งหนึ่งในอาเซียน สะท้อนจากยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นเกือบ 40 เท่าในปี พ.ศ. 2566  แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง การเปิดโรงงานบีวายดีประเทศไทย ที่จังหวัดระยองเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม เป็นหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่ตอกย้ำว่า BYD ไม่เพียงมีเป้าหมายในการผลิตรถยนต์เท่านั้น แต่ยังต้องการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ สร้างอาชีพและรายได้ให้กับชาวไทย ตลอดจนส่งต่อองค์ความรู้และการเติบโตร่วมกันในระยะยาว ด้วยประสบการณ์อันยาวนานของ BYD ในวงการยานยนต์พลังงานใหม่ เทคโนโลยี DM-i ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของเราจึงเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง และส่งผลให้ BYD SEALION 6 DM-i Super Hybrid ได้การตอบรับอย่างท่วมท้น ด้วยยอดขายทั่วโลกทะลุ 1 ล้านคันภายในระยะเวลาเพียง 3 ปีนับจากวันเปิดตัว การันตีความเป็นเลิศด้านสมรรถนะและประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ เราเชื่อมั่นว่า BYD SEALION 6 DM-i Super Hybrid ยนตรกรรมปลั๊กอินไฮบริดจาก BYD รุ่นแรกที่ผลิตและเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทย จะเพิ่มความหลากหลายให้กับตลาดยานยนต์พลังงานใหม่และครองใจผู้บริโภคชาวไทยเช่นเดียวกัน”

นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “เรเว่ ออโตโมทีฟ ยินดีที่ได้ร่วมผนึกพลังกับ BYD ในการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าให้พร้อมตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น กับการเปิดตัว BYD SEALION 6 DM-i Super Hybrid รถยนต์ C-SUV ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีไฮบริดล้ำสมัยอย่าง DM-i ที่ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับรถยนต์ไฟฟ้า 100% แต่ยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะสำหรับการขับขี่ระยะไกล ด้วยเครื่องยนต์ที่ทำหน้าที่เสมือนเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ครบครันด้วยดีไซน์โฉบเฉี่ยว นวัตกรรมล้ำสมัย และประสิทธิภาพในการช่วยลดการปล่อยคาร์บอน สอดรับกับวิสัยทัศน์ของกลุ่มธุรกิจเรเว่ที่มุ่งผลักดันประเทศไทยสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในอนาคต ”

นางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “การเปิดตัว BYD SEALION 6 DM-i Super Hybrid ในประเทศไทย เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของเรเว่ ออโตโมทีฟ ในการนำเสนอยานยนต์พลังงานใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและตรงกับไลฟ์สไตล์การขับขีี่ ควบคู่ไปกับการพัฒนาบริการทั้งก่อนและหลังการขายให้ดียิ่งขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์เหนือระดับแทนคำขอบคุณสำหรับความไว้วางใจและการสนับสนุนที่ลูกค้าชาวไทยมอบให้กับเรเว่ ออโตโมทีฟและบีวายดีเสมอมา โดยผู้ที่สนใจน้องใหม่จาก BYD รุ่นนี้ สามารถสั่งจองได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการ BYD ทั่วประเทศ ก่อนสัมผัสประสบการณ์เสมือนขับรถไฟฟ้า 100% ตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป”

BYD SEALION 6 DM-i Super Hybrid เป็นรถ C-SUV ปลั๊กอินไฮบริดที่มาพร้อมดีไซน์ภายนอกโดดเด่นสะกดทุกสายตา รูปทรงกระจังหน้าแบบไร้ขอบ โค้งมนคล้ายหยดน้ำ ดึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวภายใต้คอนเซ็ปต์ OCEAN X โฉบเฉี่ยวด้วยโคมไฟแบบตัว C เสริมความปราดเปรียวด้วยเส้นสายด้านข้างที่ลากยาวต่อเนื่องถึงด้านหลัง ตกแต่งด้วยแถบอลูมิเนียม เพิ่มความพรีเมียมสะดุดตาเมื่อวิ่งบนท้องถนน ยนตรกรรมเทคโนโลยี DM-i Super Hybrid รุ่นนี้ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ผสานพลังมอเตอร์ไฟฟ้าแบบซิงโครนัสชนิดแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnet Synchronous Motor) พร้อมแบตเตอรี่ขับเคลื่อนขนาด 18.3 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับด้วยระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบ MacPherson Strut เสริมความนุ่มนวลและการยึดเกาะถนนอย่างสมบูรณ์แบบ ผสานการทำงานกับระบบกันสะเทือนด้านหลังแบบ Multi-link ยกระดับความนุ่มนวลและความสบายระหว่างการเดินทาง เก็บเสียงรบกวนจากภายนอกให้ห้องโดยสารเงียบสงบตลอดเส้นทาง

นอกจากนี้ BYD SEALION 6 DM-i Super Hybrid ยังมาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอย่างครบครันและสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องโดยสาร อาทิ

  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้าและถุงลมนิรภัยด้านข้าง – ฝั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
  • ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ด้านหน้าและด้านหลัง
  • กล้องมองรอบคัน 360 องศา
  • เซนเซอร์ช่วยตรวจจับวัตถุด้านหน้าและด้านหลังรวม 6 จุด[1]
  • ระบบช่วยควบคุมการไหลของรถอัตโนมัติ (AVH)
  • ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (CC)
  • ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัจฉริยะ (HBB)
  • ระบบช่วยกระจายแรงเบรกอัจฉริยะ (HBA)
  • หน้าจอเรือนไมล์ผู้ขับขี่แบบ LCD ขนาด 12.3 นิ้ว
  • เบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
  • เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง
  • หน้าจอสัมผัสระบบมัลติมีเดีย ปรับหมุนด้วยไฟฟ้า ขนาด 12.8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto™
  • ลำโพง 9 ตำแหน่ง
  • BYD Digital Key
  • พอร์ตชาร์จ USB Type C 2 จุด และ Type A 2 จุด
  • ที่ชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย 2 ตำแหน่ง

BYD SEALION 6 DM-i Super Hybrid รุ่น Dynamic มาพร้อมสีภายนอกทั้งหมด 2 สี Quantum Black และ Horizon White พร้อมให้ลูกค้าชาวไทยจับจองเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ ที่โชว์รูมและศูนย์บริการ BYD ทั่วประเทศ ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook BYD RÊVER Thailand  

Check Also

อบจ.ภูเก็ต ทดลองเดินรถโดยสารไฟฟ้าปรับอากาศ (EV BUS) ยกระดับระบบขนส่งสาธารณะ

องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต โชว์ความพร้อม!! ทดลองเดินรถโดยสารไฟฟ้าปรับอากาศ (EV BUS) โดยได้รับเกียรติจาก นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงาน โดยรถ EV BUS จึงตอบโจทย์ช่วยอำนวยความสะดวกและแก้ไขปัญหารถติด  อีกทั้งยังสร้างรายได้ให้กับชุมชนในท้องถิ่นมากขึ้น คาดว่าปีนี้จะทำรายได้จากการท่องเที่ยวเกือบ 5 แสนล้านบาท