ประเทศไทยถือเป็นสถานที่พิเศษในใจของนักท่องเที่ยวทั่วโลกเสมอมาด้วยชื่อเสียงในด้านมรดกทางวัฒนธรรมอันมั่งคั่งและความงามทางธรรมชาติที่ครอบคลุมทั่วทุกภาคของประเทศ นอกจากความสวยงามที่ชวนประทับใจแล้ว ภูมิทัศน์ของเมืองใหญ่ก็น่าตื่นตาตื่นใจไม่เป็นรองที่ไหนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่สร้างโดยมนุษย์ มีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวได้
แต่การเปิดตัว “เอ็มสเฟียร์” (EMSPHERE) จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่จะเข้ามาเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับโครงการเมกะโปรเจกต์ “เอ็ม ดิสทริค” (EM District) จะทำให้การรับรู้ข้างต้นเปลี่ยนไปจากเดิม โดยเอ็มสเฟียร์ตั้งเป้าที่จะเป็น “ศูนย์การค้าแห่งอนาคตที่ไม่เคยหลับใหล” (Sleepless Metropolis) ภายใต้การบริหารงานของเดอะมอลล์ กรุ๊ป ผู้พัฒนาโครงการค้าปลีกชั้นนำของไทย
คุณศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เป็นผู้สร้างวิสัยทัศน์เบื้องหลังเมกะโปรเจกต์นี้ โดยมีเป้าหมายที่ไกลกว่าขอบเขตการสร้างห้างสรรพสินค้าทั่วไปขึ้นมาอีกหนึ่งแห่ง แต่เป็นการสร้างย่านการค้าแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ ที่สะท้อนไลฟ์สไตล์ระดับโลก และด้วยตระหนักถึงพลังแห่งความบันเทิงที่เชื่อมโยงถึงกัน คุณศุภลักษณ์จึงวาดฝันที่จะสร้างย่านใหม่ใจกลางกรุงแห่งนี้ให้เทียบชั้นย่านดังระดับโลก เช่น ดูไบแลนด์ ในนครดูไบ โอโมเตะซันโด ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซินเทียนตี้ในนครเซี่ยงไฮ้ และโซโหในกรุงลอนดอน เป็นต้น เพราะเชื่อว่า กรุงเทพฯ มีความพร้อมที่จะก้าวขึ้นเป็นย่านชอปปิงและความบันเทิงระดับไฮเอนด์ เธอจึงปลุกปั้นเอ็มสเฟียร์ให้เป็นศูนย์การค้าแห่งอนาคตที่ไม่เคยหลับใหลซึ่งจะเปิดประสบการณ์บทใหม่อีกมากมายให้นักท่องเที่ยวและผู้มาเยือนได้เข้ามาสัมผัส
เอ็มสเฟียร์เป็นองค์ประกอบสำคัญของเอ็มดิสทริค โดยมีขนาดพื้นที่รวม 650,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ใจกลางสุขุมวิท ล้อมรอบด้วยที่พักอาศัย โรงแรม และสำนักงานระดับหรู ย่านเอ็มดิสทริค ประกอบด้วย ศูนย์การค้าระดับโลก 3 แห่ง ได้แก่ เอ็มโพเรียม สวรรค์สำหรับแบรนด์หรู อาทิ คาเทียร์ (Cartier) ดิออร์ (Dior) กุชชี่ (Gucci) หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton) ทิฟฟานี่ (Tiffany) และแวน คลีฟ (Van Cleef), เอ็มควอเทียร์ จุดหมายปลายทางแห่งความหรูหราและการผสมผสานที่ทันสมัย และเอ็มสเฟียร์ ศูนย์การค้าแห่งอนาคตที่เติมเต็มความสมบูรณ์ด้วยความบันเทิง อาหาร และแฟชั่นภายใต้คอนเซ็ปต์ที่แปลกใหม่ การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างจุดหมายปลายทางอันหลากหลายทั้งสามแห่งของย่านเอ็มดิสทริคนั้นจะเติมเต็มประสบการณ์ชอปปิงในฝันของเหล่านักชอปให้เป็นจริง และยังเป็นสถานที่สำหรับการมาเยี่ยมชมเพื่อสัมผัสกับเทรนด์ใหม่ๆของโลกที่เกิดขึ้น
ชั้น 5 และชั้น 6 ของเอ็มสเฟียร์ถือเป็นแหล่งรวมความบันเทิงโดยเฉพาะ ตั้งแต่ผับและบาร์ในรูปแบบที่หลากหลาย รวมถึงบีชคลับและซัปเปอร์คลับ รวมประมาณ 25 แห่ง ไปจนถึงไฮไลท์สำคัญอย่าง ยูโอบี ไลฟ์ (UOB Live) พื้นที่จัดอีเวนต์ระดับเวิลด์คลาส ครอบคลุมพื้นที่ 12,000 ตารางเมตร และรองรับผู้เข้าร่วมงานได้ถึง 6,000 คน ดำเนินการโดยเออีจี (AEG) บริษัทบันเทิงชั้นนำของสหรัฐอเมริกา
พร้อมนี้ คุณศุภลักษณ์ยังได้เน้นย้ำถึงบทบาทของเอ็มสเฟียร์ในการมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ฉีกแนวจากศูนย์การค้าอื่น ซึ่งรวมถึงร้านอาหารที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงสำหรับให้ผู้มาเยือนในช่วงดึกและผู้ที่ชอบท่องเที่ยวเมืองยามค่ำคืน ให้ได้ลิ้มลองเมนูอาหารที่หลากหลายจากร้านชื่อดัง เช่น เบรด สตรีท คิทเชน แอนด์ บาร์ บาย กอร์ดอน แรมซีย์ (Bread Street Kitchen & Bar by Gordon Ramsey) และชานมไข่มุก นายูกิ (Nayuki) จากประเทศจีน เป็นต้น สำหรับอีกหนึ่งไฮไลท์ของเอ็มสเฟียร์ คือ อิเกีย (IKEA) สาขาใจกลางเมืองแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนพื้นที่ 12,000 ตารางเมตรที่พร้อมต้อนรับเหล่าสาวกอิเกีย ขณะที่แฟนๆของซูเปอร์คาร์สามารถเยี่ยมชมแหล่งรวมรถหรู เช่น โรลส์-รอยซ์ ปอร์เช่ และอีกมากมาย บนชั้น 2 ของเอ็มสเฟียร์
เอ็มสเฟียร์ได้ฤกษ์เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ภายใต้ธีม “CALLING THE WORLD” ถือเป็นโครงการเมกะโปรเจกต์ระดับโลกใจกลางกรุงเทพฯ ในหลากหลายมิติ โดยท้ายนี้ คุณศุภลักษณ์ยังได้เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้มาสัมผัสกรุงเทพฯ ในแบบที่เหนือความคาดหมายไปจากเดิม