ส่อง 3 เทรนด์เทคโนโลยี 2023 พลิกโฉมการขจัดฝุ่น PM2.5

มลพิษที่เกิดจากฝุ่น PM2.5 ยังคงเป็นหนึ่งในประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตประจำวันของคนไทย และหลายฝ่ายกำลังมองหาแนวทางในการแก้ปัญหาในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ จากรายงานของกรมอนามัยระบุว่า หากมีฝุ่น PM2.5 เข้าสู่ร่างกายในระยะยาว อาจก่อให้เกิดโรคทั้งระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือด และมะเร็งปอดได้ บริษัท แอลจี ซึ่งมีความมุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคด้วย “นวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีกว่า”

ตามสโลแกน “Innovation for a Better Life” จึงได้รวบรวมอัพเดทเกี่ยวกับเทรนด์เทคโนโลยีที่น่าจับตามองประจำปี พ.ศ. 2566 ที่จะช่วยในการรับมือกับฝุ่นละออง รวมถึงฝุ่น PM2.5 ได้ดียิ่งขึ้น และช่วยยกระดับจัดการคุณภาพอากาศให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อส่งเสริมสุขอนามัยที่ดีให้แก่ผู้บริโภคชาวไทย

นวัตกรรมขจัดฝุ่นในเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน

ในปัจจุบัน มีการพัฒนานวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่มุ่งตอบโจทย์ด้านการขจัดฝุ่นและเชื้อโรคอย่างต่อเนื่องและหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดูดฝุ่น เครื่องฟอกอากาศ เครื่องปรับอากาศที่มาพร้อมระบบฟอกอากาศ หรือแม้กระทั่งเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าที่มาพร้อมนวัตกรรมที่ช่วยขจัดสารก่อภูมิแพ้ แบคทีเรีย ฝุ่นละออง และเชื้อโรค ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับในปีนี้ แอลจีได้ส่งนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ล้ำสมัยอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องฟอกอากาศ LG PuriCare 360 Hit ที่ยังคงเอกลักษณ์ด้วยดีไซน์แบบ 360 องศาเพื่อกรองและฟอกฝุ่นขนาดเล็ก ก๊าซ กลิ่นไม่พึงประสงค์และสารระเหยในหลายขั้นตอน กระจายอากาศสะอาดบริสุทธิ์ได้อย่างรอบทิศทาง พร้อมขนาดที่กะทัดรัดและน้ำหนักที่เบายิ่งขึ้น ช่วยให้สะดวกต่อการเคลื่อนย้ายเพื่อการใช้งานในห้องต่าง ๆ ภายในบ้านได้สะดวกและประหยัดพื้นที่มากขึ้น ตู้ถนอมผ้า LG Styler ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี TrueSteam^TM พร้อมโปรแกรม Sanitary ที่ขจัดสารก่อภูมิแพ้ แบคทีเรีย ฝุ่นละออง และเชื้อโรคในเสื้อผ้าได้ถึง 99.9 เปอร์เซ็นต์ และเครื่องอบผ้าแอลจี DUAL Inverter Heat Pump™ ที่มาพร้อมโปรแกรม Allergy Care ที่สามารถขจัดสารก่อภูมิแพ้ในผ้า เช่น ไรฝุ่น และแบคทีเรียบางชนิดได้ถึง 99.9 เปอร์เซ็นต์ อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้สมาชิกในครอบครัวสามารถสวมใส่เสื้อผ้าได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจยิ่งขึ้น

นวัตกรรมอาคารสีเขียว (Green Building)

การออกแบบและสร้างอาคารและที่อยู่อาศัยต่าง ๆ มีบทบาทสำคัญที่ส่งผลโดยตรงกับการไหลเวียนของอากาศภายในและภายนอกบ้าน โซลูชันการออกแบบอาคารสีเขียวที่มาพร้อมระบบการหมุนเวียนของอากาศที่ดียิ่งขึ้น การเข้าถึงแสงธรรมชาติได้มากขึ้น รวมถึงการใช้พลังงานหมุนเวียนและวัสดุฉนวนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพในการจัดการพลังงานและการควบคุมคุณภาพอากาศ เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้ช่วยให้ลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนและลดโอกาสในการสัมผัสกับสารเคมี นอกจากนี้ หลังคาและผนังที่ถูกสร้างขึ้นตามหลักอาคารสีเขียวยังจะช่วยดูดซับมลพิษอีกทั้งยังช่วยมอบออกซิเจนเพิ่มขึ้นในขณะเดียวกันอีกด้วย

เทคโนโลยี AI

เมื่อพูดถึงการรับมือกับปัญหาฝุ่นในระดับที่ใหญ่ขึ้น เทคโนโลยี AI กำลังถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยเสริมความแม่นยำของการติดตามข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพอากาศในปัจจุบัน โดยการใช้เซ็นเซอร์และกล้องที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจจับมลพิษทางอากาศได้แบบเรียลไทม์ อีกทั้งยังมีการพัฒนาแชทบอท AI เพื่อนำมาใช้งานในการสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับคุณภาพอากาศ พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการลดโอกาสในการสัมผัสกับมลพิษ นอกจากนี้ เทคโนโลยี AI ยังได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นตัวช่วยในการอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคทั่วไปด้วยเช่นเดียวกัน โดยแอลจีได้พัฒนาเครื่องซักผ้า ทั้งแบบฝาหน้าและฝาบน ที่มาพร้อมเทคโนโลยี AI DD^TM ที่นอกจากจะทำความสะอาดผ้าได้ล้ำลึกและอ่อนโยน จากการใช้เทคโนโลยี AI มาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลด้านพฤติกรรมการใช้งานผ่านบิ๊กดาต้า เพื่อนำเสนอรูปแบบการซักผ้าที่เหมาะสมที่สุดกับน้ำหนักและเนื้อผ้าแต่ละชนิดแล้ว ยังมาพร้อมฟังก์ชัน Steam^TM ในเครื่องซักผ้า ที่มีคุณสมบัติสำคัญในการขจัดแบคทีเรียและไรฝุ่นที่อาศัยอยู่บนเสื้อผ้าได้ถึง 99.9 เปอร์เซ็นต์อีกด้วย