บลูบิค (Bluebik) เผย สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 กลายเป็นตัวเร่งให้ธุรกิจต้องเปิดรับการผสมผสานเทคโนโลยีหลายประเภท (Technology Convergence) เข้ามาปรับใช้กับองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับเทคโนโลยีเดิมรวมทั้งเสริมศักยภาพในการบริหารธุรกิจท่ามกลางวิกฤต และช่วยเปิดทางสร้างโอกาสการเติบโตใหม่ๆ ในอนาคต เนื่องจากเทคโนโลยีประเภทเดียว ไม่สามารถตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภคและโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมแนะองค์กรพัฒนาบุคลากรปรับมุมมองให้พร้อมที่จะเปิดรับ-คิดค้น-ทดลองสิ่งใหม่ๆ เพื่อรองรับการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยี
นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำด้านกลยุทธ์และการจัดการด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี เปิดเผยว่า วิกฤตโควิดระบาดระลอกใหม่ กำลังเป็นตัวเร่งให้ธุรกิจต้องหาทางนำการผสมผสานเทคโนโลยีพื้นฐาน (Technology Convergence) มาประยุกต์ใช้กับองค์กร เพื่อเพิ่มศักยภาพการบริหารท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีหลากหลายประเภท ช่วยเพิ่มความสามารถในการเข้าถึง วิเคราะห์ข้อมูล และประสานงานระหว่างหน่วยธุรกิจ (Business Unit) ทำให้ธุรกิจประเมินสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
“วิกฤตโควิดสะท้อนให้เห็นว่า ธุรกิจไม่สามารถพึ่งพาเทคโนโลยีประเภทเดียวในการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพ เพื่อการพาองค์กรให้รอดพ้นสถานการณ์วิกฤต โดยองค์กรต้องผสมผสานเทคโนโลยีหลายประเภทให้สามารถดูแลจัดการอย่างรอบด้าน ทั้งในแง่การดูแลความปลอดภัยของพนักงาน กระบวนการดำเนินงาน การประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์ธุรกิจเพื่อเตรียมรับมือเหตุไม่คาดฝัน” นายพชรกล่าว
จากสถานการณ์โควิดระบาดระลอกใหม่ องค์กรสามารถนำ Internet of Behaviors (IoB) ซึ่งเป็นการผสานรวมเทคโนโลยีบ่งชี้ตัวตนไว้ด้วยกัน เช่น การจดจำใบหน้า ติดตามตำแหน่ง และ Big Data Analytics ไปปรับใช้ในการตรวจจับอุณหภูมิ หรือวิเคราะห์พฤติกรรมเพื่อช่วยประเมินมาตรการดูแลความปลอดภัยให้กับพนักงาน ขณะที่การสร้าง Total Experience ซึ่งเป็นการรวบรวมประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience) ประสบการณ์ของพนักงาน (Employee Experience) และประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (User Experience) ผ่านเทคโนโลยี Touchless Interface เช่น การสร้างโมบายแอปพลิเคชันนัดหมายลูกค้าผ่านสมาร์ทโฟน มีระบบเช็กอินได้อัตโนมัติเมื่อลูกค้ามาถึง และส่งข้อความแจ้งพนักงานเพื่อให้พูดคุยกับลูกค้า จะสามารถช่วยลดการสัมผัส เพิ่มความคล่องตัวและความปลอดภัยในการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า
สำหรับในส่วนกระบวนการทำงาน การผสมผสานเทคโนโลยีคลาวด์และสถาปัตยกรรมแบบกระจาย (Distributed architecture) เข้ากับระบบการปฏิบัติงานขององค์กร จะทำให้การทำงานสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา พร้อมรองรับการขยายได้ทุกเมื่อ โดยที่ยังคงความปลอดภัยไว้อยู่
ขณะที่การวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ธุรกิจ การนำเทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning) มาผสมผสานกับเครื่องมือการทำงานแบบอัตโนมัติ (Automation tools) จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ข้อมูลเพื่อช่วยตัดสินใจทางธุรกิจให้เป็นไปแบบอัตโนมัติยิ่งขึ้น ส่วนการผสมผสาน DataOps และ MLOps ทำให้การใช้ Machine Learning ในธุรกิจเกิดขึ้นได้จริงและสามารถวัดผลได้ และช่วยเสริมขีดความสามารถของ Machine Learning ในกระบวนการทางธุรกิจได้
นอกจากการเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารงานเพื่อผ่านพ้นวิกฤต การผสมผสานเทคโนโลยียังสร้างการเติบโตและเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน โดยที่ธุรกิจไม่จำเป็นต้องพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ขึ้นมา เนื่องจากจะสร้างรูปแบบการใช้งานใหม่ๆ (Use Case) หรือเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เช่นกัน โดยการผสมผสานเทคโนโลยีดังกล่าวจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของธุรกิจในอนาคต นำมาซึ่งการเติบโตของผลกำไร และเปิดทางไปสู่การสร้างสินค้าหรือบริการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นับเป็นการเพิ่มคุณค่าที่จะส่งมอบให้กับลูกค้า