Alipay+ (อาลีเพย์พลัส) แพลตฟอร์มการชำระเงิน และบริการดิจิทัลระดับสากลที่เชื่อมโยงผู้บริโภคเข้ากับธุรกิจ ภายใต้ แอนท์ อินเตอร์เนชันแนล (Ant International) ประกาศพันธมิตรผู้ให้บริการชำระเงินใต้เครือข่ายอาลีเพย์พลัสรายใหม่ เพื่อขยายเครือข่ายการรับชำระเงินในสถานที่ท่องเที่ยวทั่วโลกให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังได้จัดโปรแกรมมอบรางวัลสุดพิเศษแก่ผู้ใช้จ่ายผ่านอาลีเพย์พลัสในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวส่งท้ายปี
ปัจจุบันอาลีเพย์พลัสมีพันธมิตรด้านการชำระเงินระหว่างประเทศทั้งหมด 35 ราย มีเป้าหมายในการให้บริการนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยสามารถเชื่อมต่อนักท่องเที่ยวกับร้านค้ากว่า 90 ล้านแห่งใน 66 ประเทศ ซึ่งนอกจากความสะดวกสบายของการชำระเงินข้ามพรมแดนผ่านมือถือแล้ว อาลีเพย์พลัสยังได้ขยายบริการไปสู่แพลตฟอร์มการทำการตลาดในแอปพลิเคชั่น และบริการไลฟ์สไตล์ในรูปแบบดิจิทัลอีกด้วย ซึ่งช่วยเปิดโอกาสให้ร้านค้าสามารถเข้าถึง และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้โดยตรง ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มการตลาดที่ต่างประเทศมี A+ Rewards ให้บริการในซูเปอร์แอปชั้นนำกว่า 10 แพลตฟอร์ม รวมถึง Touch ‘n Go eWallet จากมาเลเซีย, TrueMoney จากประเทศไทย, GCash จากฟิลิปปินส์ และ Kakao Pay จากเกาหลีใต้
เนื่องจากการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในปี 2024 และตามที่สมาคมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโลก(World Travel and Tourism Council) ระบุว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น และทำลายสถิติทั้งหมดในปี 2024 ทั้งนี้จะมีการใช้จ่ายระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นถึง 33% อีกด้วย
คุณดักลาส ฟีแกน ประธานบริษัท แอนท์ อินเตอร์เนชันแนล กล่าวว่า “การท่องเที่ยวมีผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจระดับท้องถิ่นและภูมิภาค โดยสามารถช่วยยกระดับชุมชน ธุรกิจขนาดเล็ก และการดำรงชีวิตของคนในพื้นที่ได้ และคาดว่าจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2025 และด้วยการผสมผสานนวัตกรรมและความร่วมมือกับหน่วยงานที่กำกับดูแลองค์กรการท่องเที่ยว และร้านค้า เรามุ่งหวังที่จะช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสของการเติบโตของการท่องเที่ยว พร้อมทั้งพัฒนาประสบการณ์การท่องเที่ยวให้ดียิ่งขึ้น”
อาลีเพย์พลัส มุ่งขยายเครือข่ายร้านค้าเพื่อมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบ “เที่ยวเหมือนคนท้องถิ่น” ให้กับผู้ใช้บริการทั่วโลก
พฤติกรรมการท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก โดยนักท่องเที่ยวเปลี่ยนมาใช้จ่ายเพื่อสัมผัสประสบการณ์ท้องถิ่นมากขึ้น เช่น การใช้จ่ายที่ร้านอาหารและเครื่องดื่มซึ่งเพิ่มขึ้น 80% การใช้จ่ายที่สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เพิ่มขึ้น 50% และการใช้จ่ายการขนส่ง เช่น การใช้บริการแท็กซี่ การใช้บริการรถสาธารณะ และรถไฟเพิ่มขึ้นถึง 120% การขยายเครือข่ายของอาลีเพย์พลัสไปยังผู้ให้บริการเหล่านี้จะช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถ “เที่ยวเหมือนคนท้องถิ่น” ได้ทั้งในช่วงสิ้นปีนี้และปีต่อ ๆ ไป
นอกจากการขยายเครือข่ายผู้ให้บริการการชำระเงินแล้ว อาลีเพย์พลัสยังได้เปิดตัวโปรโมชั่นพิเศษในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก โดยร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อมอบข้อเสนอที่ดีที่สุดให้แก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย อาทิ
- ประเทศญี่ปุ่น: หลังจากการขยายความร่วมมือกับแอป PayPay ของญี่ปุ่น อาลีเพย์พลัสได้เชื่อมต่อกับร้านค้ามากกว่า 3 ล้านแห่ง โดยมีร้านค้าท้องถิ่นขนาดกลางและเล็กจำนวนมากเข้าร่วม เช่น ร้านอิซากายะ ร้านขนมหวานญี่ปุ่น ร้านขนมขบเคี้ยว ร้านขายสินค้าอนิเมะ และโรงแรมใขนาดเล็ก ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถรับสิทธิพิเศษที่ร้านค้าท้องถิ่นเหล่านี้ได้ใน ห้างโตเกียวสกายทรีที่อยู่ในหอคอยที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น หรือ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่างโตเกียวโซลามาจิ, โตเกียวมิสุมะชิ, Ekimise Asakusa หรือศูนย์การค้าชั้นนำต่าง ๆ ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น ร้านค้าที่สนามบิน ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าระดับพรีเมียม ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงร้านสุขภาพและความงามเป็นต้น
- ประเทศเกาหลีใต้: อาลีเพย์พลัสได้ขยายบริการไปยังจุดหมายปลายทางท้องถิ่นชั้นนำต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ตลาดกลางคืนเมียงดงในกรุงโซล ตลาดกลางคืนเกาะนามิในจังหวัดคังวอน และถนนคาเฟ่แออึลในเกาะเชจู โดยนักท่องเที่ยวสามารถใช้แอปพลิเคชันสำหรับการชำระเงินของพันธมิตรอาลีเพย์พลัสเพื่อชำระค่าโดยสารรถบัสในเกาะเชจูและแท็กซี่ในกรุงโซลได้อย่างสะดวก ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับโปรโมชั่นที่ร้านค้ามากกว่า 1.9 ล้านแห่งที่รองรับ ZeroPay รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวและร้านค้าชั้นนำ เช่น สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ ร้านสะดวกซื้อ GS25 และอื่นๆ อีกด้วย
- ประเทศสิงคโปร์: นักท่องเที่ยวสามารถใช้อาลีเพย์พลัสเพื่อชำระเงินที่ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในสิงคโปร์ได้แล้ว หลังจากอาลีเพย์พลัสได้ร่วมมือกับ Mandai Wildlife Reserve ที่เป็นผู้ดูแลให้บริการ สวนสัตว์สิงคโปร์ สวนสัตว์กลางคืน และ สวนนกเบิร์ดพาราไดซ์ รวมทั้งร้านอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นร้าน CHAGEE, Toast Box, BreadTalk และร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อย่าง Lau Pa Sat อีกด้วย
- ประเทศมาเลเซีย: อาลีเพย์พลัสทำให้การเดินทางของนักท่องเที่ยวระหว่างสนามบินและตัวเมืองสะดวกยิ่งขึ้น โดยได้ร่วมมือกับ บริการรถไฟด่วนเชื่อมต่อสนามบิน KLIA Express Rail Link ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ นอกจากนี้ยังมีห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่าง Pavilion KL ที่มีแบรนด์ท้องถิ่นและแบรนด์จากต่างประเทศ รวมไปถึงร้านอาหารอีกมากมายก้ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรใหม่ของอาลีเพย์พลัสเช่นกัน ทั้งนี้อาลีเพย์พลัสยังเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด DuitNow QR ซึ่งมีร้านค้าภายในเครือข่ายที่รองรับการชำระเงินเกือบ 2 ล้านแห่งอีกด้วย
- ประเทศไทย: อาลีเพย์พลัสได้จัดทำสิทธิพิเศษที่ร้านค้าชั้นนำภายใต้ห้างสรรพสินค้าในเครือเซ็นทรัล กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ และร้านสินค้าปลอดภาษี คิงส์ เพาวเวอร์ รวมไปถึงครอบคลุมการใช้จ่ายที่ร้านค้าอุปโภคบริโภค เช่น ร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ บู๊ทส์ รีเทล และรถไฟบีทีเอสอีกด้วย
- ประเทศฟิลิปปินส์: อาลีเพย์พลัสได้ขยายเครือข่ายไปยังเมืองสำคัญต่าง ๆ ของฟิลิปปินส์ และได้ร่วมมือกับร้านค้ากว่า 140,000 แห่ง รวมถึง Mall of Asia ซึ่งเป็นหนึ่งในห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
- ประเทศกัมพูชาและเนปาล: อาลีเพย์พลัสได้ขยายความร่วมมือกับผู้ให้บริการคิวอาร์โค้ดชำระเงินมาตรฐานระดับชาติในกัมพูชา อาทิ KHQR และขยายความร่วมมือในเนปาล ผ่าน NepalPay QR ซึ่งช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถชำระเงินได้สะดวกยิ่งขึ้นที่ร้านค้าท้องถิ่นกว่า 1 ล้านแห่งในกัมพูชา และ 875,000 แห่งในเนปาล
- สหราชอาณาจักร: นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมศิลปะวัฒนธรรมในลอนดอนได้ง่ายขึ้น เนื่องจาก พิพิธภัณฑ์ Van Gogh House ซึ่งตั้งอยู่ในอาคารประวัติศาสตร์ในลอนดอนได้รับชำระค่าบริการผ่านอาลีเพย์พลัสแล้วในขณะนี้ ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับสิทธิพิเศษในการซื้อสินค้าที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เช่น แฮร์รอดส์ ห้างสรรพสินค้าหรูหราบนถนนบรอมพ์ตัน, กลุ่มห้างหรู Selfridges, Liberty’s of London ห้างหรูเก่าแก่ของลอนดอน, ห้างสรรพสินค้าสุดหรู Harvey Nichols และที่ ศูนย์การค้าเอาท์เล็ต Bicester Village ได้อีกด้วย
ประเทศเยอรมนี: อาลีเพย์พลัสกำลังเปิดตัว “เทศกาลช็อปปิ้งเยอรมัน” โดยรวบรวมร้านค้าชั้นนำจากเยอรมนี พร้อมมอบส่วนลดพิเศษ คู่มือท่องเที่ยวช่วงคริสต์มาส และประสบการณ์ช็อปปิ้งที่ไม่เหมือนใครให้กับนักท่องเที่ยว
- ประเทศฝรั่งเศส: นักท่องเที่ยวสามารถรับเงินคืนจากการซื้อสินค้าที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำในกรุงปารีส เช่นห้าง Galeries Lafayette, La Vallée Village และ Printemps Haussmann ได้แล้ววันนี้
- ประเทศอิตาลี: นักท่องเที่ยวสามารถชำระเงินผ่านอาลีเพย์พลัสที่ร้านค้าปลอดภาษี Aelia Duty Free (กลุ่ม Lagardere) ที่สนามบินกรุงโรม ซึ่งเป็นร้านค้าปลอดภาษีที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี ได้แล้ว นอกจากนี้ผู้ที่ใช้แอปพลิเคชั่น Tinaba ยังสามารถรับรับเงินคืนจากการช้อปปิ้งที่ร้านค้าที่รองรับอาลีเพย์พลัสทั่วประเทศ จนถึงสิ้นเดือนมกราคมนี้
- เมืองอิสตันบูล: นักท่องเที่ยวสามารถชำระเงินผ่านอาลีเพย์พลัสที่ร้านค้าปลอดภาษี Unifree Duty Free ที่สนามบินอิสตันบูล ซึ่งเป็นสนามบินที่มีผู้โดยสารหนาแน่นเป็นอันดับสองในยุโรปได้แล้ว
- เมืองอาบูดาบี ประเทศดูไบ: นักท่องเที่ยวจะได้รับส่วนลดโดยตรงที่ร้านค้าชั้นนำ เช่น Dubai Mall ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในดูไบ และศูนย์การค้าชั้นนำ Mall of the Emirates และที่ร้านค้าปลอดภาษีใหญ่ ๆ รวมไปถึง Dubai Duty Free และ Abu Dhabi Duty Free ได้อีกด้วย