บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา, เซ็นทรัลเฟสติวัล, เซ็นทรัล ภูเก็ต และ เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่เอาท์เล็ตแห่งแรกของไทย ย้ำตัวจริงผู้นำแผนแม่บทมาตรการเชิงรุก “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ X 2” ยกระดับความเข้มข้นขั้นสูงสุดในศูนย์การค้าทั้ง 33 สาขาทั่วประเทศ
ภายใต้แผนปฏิบัติการเชิงรุก พร้อมเดินหน้าสนับสนุนภาครัฐในการยับยั้งการแพร่ระบาด ด้วยการเตรียมพร้อมบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ให้พร้อมรับมือทุกสถานการณ์ เสริมแกร่งมาตรการในทุกมิติ ทั้งการ ทำความสะอาดฆ่าเชื้อทุกวันต่อเนื่อง, Screening เพื่อแยกกลุ่มเสี่ยงออกจากพื้นที่ กรณีพบผู้ติดเชื้อ และเร่งการฉีดวัคซีน เพื่อเป้าหมายหลักคือการให้พื้นที่ศูนย์การค้าปลอดภัยเป็น Safe Zone โดยครอบคลุมใน 5 แกนหลักสำคัญ ได้แก่ 1)การคัดกรองอย่างเข้มงวด 2) มาตรฐาน Social Distancing ทุกจุด 3) การติดตามเพื่อความปลอดภัย 4) การใส่ใจในความสะอาดทุกจุดสัมผัส และ 5) แนวทางลดการสัมผัส (Touchless) ซึ่งสอดคล้องกับมาตรการป้องกันของกระทรวงสาธารณสุขที่เน้นย้ำให้ประชาชนการ์ดไม่ตก ยึดหลัก D-M-H-T-T ป้องกันตนเอง เพื่อย้ำความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้า, พันธมิตรร้านค้า และให้ลูกค้าทุกท่านมั่นใจสูงสุดทุกครั้งเมื่อมาใช้บริการที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 33 สาขาทั่วประเทศ
ไฮไลท์ปฏิบัติการป้องกันไว้ก่อนมาตรการเชิงรุก เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ x2
- ทันที – ปฏิบัติการ Extra deep cleaning ทั่วทั้งศูนย์การค้า ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อพิเศษแบบเข้มข้น ซึ่งเป็นหนึ่งในน้ำยาเคมีภันฑ์ไม่กี่ชนิด ที่ได้รับการรับรองจากสถาบันระดับโลก CBC approved (Center for Biocide Chemistries) สามารถฆ่าเชื้อ COVID-19 ได้ และรับรองโดยหน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกา (Environmental Protection Agency – EPA) มีคุณสมบัติเป็น Food Grade ที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร โดยเป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์มาตรฐานระดับโลกที่ได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรมอาหารทั่วโลก นอกจากนี้ ร้านอาหารทุกร้านจะต้องทำความสะอาดโต๊ะทันทีภายใน 5 นาที ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหลังลูกค้าใช้บริการเรียบร้อยแล้ว
- ป้องกันทุกวัน 100% สะอาดตลอดเวลา – มั่นใจสูงสุดด้วยการทำ Big cleaning ลงลึกทุกรายละเอียด และฉีดพ่นฆ่าเชื้อเชิงรุกหลังศูนย์ปิดทุกวัน เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เน้นย้ำเป็นพิเศษในจุดที่มีการสัมผัสร่วมสูง รวมถึงเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดทุกจุดสัมผัสทุกๆ 30 นาที และในห้องน้ำทุกๆ 1 ชั่วโมง และงดการเดินรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่ม เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการไม่สวมหน้ากากอนามัยระหว่างอยู่ในพื้นที่ส่วนกลางของศูนย์การค้า
- ปลอดภัย – ระบบปรับอากาศฆ่าเชื้อด้วยแสง UVC ตลอดเวลา เพื่อให้อากาศที่หมุนเวียนภายในศูนย์การค้า สะอาด และปลอดภัยมากที่สุด พร้อมลิฟท์ไร้สัมผัส และนวัตกรรมหุ่นยนต์ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ เป็นต้น
- เข้มงวด – เข้มงวดการเว้นระยะ 100% Social Distancing ในพื้นที่ส่วนกลาง และร้านค้า ทั้งการยืนรอคิว, พื้นที่พักรอคิว และ พื้นที่ Rest area
- “มาตรการ ร้านอาหาร@เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ” รวมถึงมาตรการเข้มงวดสำหรับการสั่งอาหารกลับบ้านแบบ Take Home ในสาขาที่ไม่สามารถนั่งทานในร้านได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการในศูนย์การค้าอย่างปลอดภัย พร้อมมาตรการเน้นย้ำเป็นพิเศษอื่นๆ อาทิ การป้องกันแบบ DOUBLE PROTECTION ให้พนักงานใส่หน้ากาก 2 ชั้น หรือหน้ากากและ Face shield, เมื่อพนักงานรับประทานอาหาร ให้นั่งแยกโต๊ะกัน และใส่หน้ากากทันทีเมื่อทานเสร็จ, ระบุชื่อผู้ประกอบอาหารบนกล่องอาหาร, การติดตาม Timeline ของพนักงานทุกวัน, ดูแลสุขอนามัยในการให้บริการให้มั่นใจสูงสุดด้วย 3 ขั้นตอน คือ เช็ดฆ่าเชื้อที่โต๊ะ-ล้างมือทุก 30 นาที-สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เป็นต้น เพื่อเป็นการเสริมเกราะป้องกันให้กับลูกค้าและพนักงานที่ให้บริการในร้านอาหาร
- บริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ‘Intensive Tracking และ Screening’ อย่างเข้มข้นในการแยกกลุ่มเสี่ยง และการกักตัว 14 วันดูอาการ กรณีพบผู้ติดเชื้อ ตามขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุข อาทิ
- บันทึกประวัติพนักงานภายในศูนย์การค้าทุกคน
- บันทึกและประเมินประวัติการเดินทางหรือพักอาศัยในพื้นที่เสี่ยงของพนักงานทุกคนเป็นประจำทุกสัปดาห์
- มาตรการตรวจวัดอุณหภูมิและตรวจอาการข้างเคียงโดยละเอียดก่อนเข้าพื้นที่ศูนย์การค้า
- ตรวจสอบ Timeline โดยละเอียด กรณีมีผู้ติดเชื้อ เพื่อตรวจสอบสาเหตุการติดเชื้อและผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ เพื่อคัดกรองไม่ให้ปฏิบัติงานในศูนย์การค้า
- กักตัวผู้สัมผัสกับผู้ติดเชื้อเป็นเวลา 14 วัน และตรวจเชื้อวันที่ 7 และ 14 ของการกักตัวซ้ำอีกครั้ง
- คุมเข้มมาตรการในการป้องกันการแพร่เชื้อระหว่างปฏิบัติงานอย่างเข้มงวดและเคร่งครัด
เซ็นทรัลพัฒนา ตระหนักถึงการร่วมแรงร่วมใจกันของประชาชนคนไทยที่ยกการ์ดสูงสุด ดูแลป้องกันตัวเองอย่างเต็มที่ และเห็นถึงความทุ่มเทในการปฏิบัติงานอย่างหนักของภาครัฐ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า และอาสาสมัคร พร้อมทั้งการให้ร่วมมือเป็นอย่างดีของภาคเอกชนทุกฝ่าย เพื่อช่วยกันยับยั้งการแพร่ระบาด และช่วยให้ประเทศชาติของเราเดินหน้าฝ่าวิกฤตต่อไปได้อย่างดีที่สุด