Breaking News
Home / Uncategorized / RICOH ย้ายฐานการผลิตเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันที่สำคัญ จากประเทศจีนมายังประเทศไทย

RICOH ย้ายฐานการผลิตเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันที่สำคัญ จากประเทศจีนมายังประเทศไทย

บริษัท ริโก้ จำกัด ได้ประกาศว่า จะมีการย้ายฐานการผลิตเครื่องพิมพ์ตระกูล MFP หลัก สำหรับส่งออกไปยังตลาดสหรัฐอเมริกา โดยย้ายมายังประเทศไทยแทน เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศจีน

RICOH เองได้สร้างความแข็งแกร่งกับแผนการสร้างความต่อเนื่องทางธุรกิจมาโดยตลอดในฐานะส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การผลิตทั่วโลก ซึ่งได้จัดให้มีการผลิตสินค้าที่สำคัญคู่ขนานกันไปในโรงงานหลายแห่งกระจายไปตามตำแหน่งต่าง ๆ ของโลก ทำให้สามารถผลิตชิ้นส่วนที่ใช้งานทั่วไปได้จำนวนมาก เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการซัพพลายเชน จากการผลักดันในจุดนี้ ทำให้มีการตัดสินใจที่จะย้ายฐานการผลิตภายในประมาณอีก 2 เดือนข้างหน้า โดยไม่ได้ส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตโดยรวมที่สำคัญทั้งในประเทศจีนและประเทศไทย

การตัดสินใจครั้งนี้เพื่อปฏิบัติตามคำสั่งที่ประกาศไว้ในรายการที่ 4 ของหมวด 301 ตามกฎหมายศุลกากรของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งการย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนมายังประเทศไทยนี้ทำเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดกับ RICOH จากการกีดกันทางการค้า

ปัจจุบัน บริษัท Ricoh Asia Industry (Shenzhen) กำลังผลิตเครื่องพิมพ์ MFP รุ่นที่ทำงานด้วยความเร็วสูง ขณะที่บริษัท Ricoh Manufacturing (Thailand) กำลังผลิตรุ่นที่ทำงานด้วยความเร็วในระดับต่ำถึงระดับกลาง การย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังไทยในครั้งนี้จะทำให้ผลิตภัณฑ์ MFP ทั้งหมดที่ผลิตเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐฯ นั้น ผลิตจากโรงงานในประเทศไทยแทน

อย่างไรก็ตาม RICOH จะยังคอยติดตามการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้กับผลิตภัณฑ์ ชิ้นส่วน และวัสดุต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ด้วยเป้าหมายในการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบซัพพลายเชน ซึ่งอาจรวมถึงการย้ายการผลิตบางอย่างจากไทยกลับไปยังจีนเพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจ และยกระดับประสิทธิภาพโดยรวมให้ได้มากที่สุด

Check Also

ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) ผู้เชี่ยวชาญด้านที่ปรึกษาการออกแบบวิศวกรรม ปรับทัพครั้งใหญ่ แต่งตั้งทีมผู้บริหารชุดใหม่ เสริมแกร่งธุรกิจ พร้อมขับเคลื่อนบริษัทฯ สู่ความสำเร็จ

บริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศการเปลี่ยนแปลงผู้นำครั้งสำคัญ โดย นายจอห์น พอลลาร์ด จะอำลาจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 หากยังคงดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารและที่ปรึกษาองค์กรแบบไม่เต็มเวลา นอกจากนี้ยังคงเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการระดับโลกของ ไมนฮาร์ท กรุ๊ป โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้นำพาบริษัทฯ ก้าวข้ามความท้าทาย และประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง พร้อมสร้างรากฐานความมั่นคงเพื่อการเติบโตต่อไป